หัวเว่ย (Huawei) ประเมินตลาดเทคโนโลยีภาพเสมือนจริง augmented reality (AR) จะมีมูลค่า 3 แสนล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2568 โดยได้รับแรงหนุนจากการใช้งานแพร่หลายในวงการการศึกษา โซเชียลเน็ตเวิร์ก การชอปปิ้ง การเดินทาง และการนำทาง ตลอดจนการเล่นเกม เป็นการเติบโตที่แข็งแกร่งในยุค 5G ที่กำลังมาถึง
บ็อบ ไซ (Bob Cai) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของหน่วยธุรกิจผู้ให้บริการ Huawei Carrier Business Group กล่าวในงานประชุม Better World Summit ในหัวข้อ 5G + AR, Turning Dreams into Reality ว่าเพราะ AR สามารถทำให้เกิดการบรรจบกันของโลกจริงและโลกดิจิทัล ทำให้ภาพความฝันเกิดขึ้นได้จริง เบื้องต้น ข้อมูลของหัวเว่ยและบริษัทวิจัยอื่นคาดการณ์ว่า อุตสาหกรรม AR จะเข้าสู่ช่วงพีก หรือการขยายตัวในระดับสูงสุดในช่วงเวลา 4 ปีนับจากนี้ โดย 5 อุตสาหกรรมหลักที่จะมีการใช้งาน AR มากที่สุดคือการศึกษา โซเชียลเน็ตเวิร์ก ชอปปิ้ง การเดินทาง และเกม
นอกจากคำกล่าวของ Bob Cai งานประชุมนี้หัวเว่ยได้เปิดเผยสมุดปกขาว AR Insight and Application Practice White Paper ซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับอุตสาหกรรม AR ในแง่ของอุปกรณ์ แอปพลิเคชัน และระบบเครือข่าย ขณะเดียวกัน ก็มีการบอกเล่าถึงกรณีศึกษาของ Huawei ที่ใช้ AR ในหลายธุรกิจ ที่โดดเด่นคือการเปลี่ยนวิกฤตจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้ลูกค้าจากทั่วโลกไม่สามารถเดินทางมาเยี่ยมชมศูนย์ปฏิบัติงานของ Huawei ด้วยตนเอง มาเป็นโอกาสที่ Huawei จะใช้ AR เพื่อแสดงผลิตภัณฑ์และโซลูชันชั้นนำทางออนไลน์
ไม่เพียงประเด็น AR ช่วยให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพมากขึ้น Huawei ยังชูว่าได้ใช้ AR เพื่อส่งมอบสถานีฐาน 5G ได้อย่างรวดเร็ว ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดส่งอย่างเห็นได้ชัด โดยเวทีนี้ ผู้บริหาร Huwei เรียกร้องให้หลายฝ่ายในอุตสาหกรรมลุกขึ้นมาทำงานร่วมกันเพื่อให้ระบบนิเวศ 5G + AR เจริญก้าวหน้าและรุ่งเรืองได้ทันใจ
ผู้บริหารย้ำว่า ความร่วมมือนั้นสำคัญต่อการก้าวไปได้ไกล และการพัฒนา AR จำเป็นต้องให้ทุกฝ่ายในอุตสาหกรรมทำงานร่วมกัน รวมถึงการสมีซัปพลายเชน 5G + AR ที่มีคุณภาพ จึงจะเป็นปัจจัยให้ AR และ 5G สามารถผสมผสานกันและขยายตัวไปพร้อมกันในเวลาที่เหมาะสม
AR นั้นเป็นเทคโนโลยีการใช้ข้อมูลแบบเรียลไทม์ในรูปแบบของข้อความ กราฟิก เสียง และการแสดงภาพเสมือนจริงอื่นโดยรวมเข้ากับวัตถุในโลกจริง AR จึงถูกมองเป็นส่วนสำคัญที่จะเสริมความจำเป็นให้ผู้คนหันมาใช้ 5G มากขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีทางอ้อมต่อธุรกิจจำหน่ายโครงข่าย 5G ของ Huawei
Huawei เชื่อว่าระบบนิเวศ 5G+AR ที่กำลังเติบโตจะทำให้การศึกษาน่าประทับใจมากขึ้น รวมถึงความบันเทิงที่จะน่าสนใจยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน การสื่อสารก็มีประสิทธิภาพมากขึ้น และชีวิตของผู้คนก็จะสะดวกยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ การเชื่อมต่อ 5G ที่มีแบนด์วิดธ์ขนาดใหญ่ เวลาหน่วงต่ำและยืดหยุ่นคล่องตัวสูง จะทำให้การผสมผสาน 5G+AR สามารถปลดปล่อยศักยภาพให้แก่ตลาดมากขึ้น จุดนี้ Huawei เปิดตัว Huawei AR Engine ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการพัฒนา AR ของบริษัทที่เน้นไปที่อุปกรณ์พกพา
จุดแข็งที่โดดเด่นคือ Huawei AR Engine สามารถช่วยให้นักพัฒนาเขียนโค้ดคำสั่งสั้นขึ้น เพียง 10 บรรทัดก็สามารถสร้างเอฟเฟกต์ AR เชื่อว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดเวลาในการพัฒนาแอปพลิเคชัน AR ได้มาก
สำหรับสมุดปกขาวที่ Huawei เปิดตัวในงาน บริษัทเสนอแนวทางปฏิบัติด้านการพัฒนาและแอปพลิเคชันของ AR ว่า AR ไม่ได้เกี่ยวกับอุปกรณ์ เนื้อหา หรือเครือข่ายเท่านั้น แต่เป็นการรวมความสามารถของทั้ง 3,ส่วนเพื่อสร้างสิ่งหรือข้อเสนอที่น่าสนใจ ในเอกสารจึงตั้งข้อสังเกตว่าทุกฝ่ายควรร่วมสร้างมาตรฐานและกลไกที่เป็นหนึ่งเดียว เพื่อให้เกิดการนำความเชี่ยวชาญจากทุกด้านมารวมกัน ก็จะทำให้อุตสาหกรรม AR ก้าวหน้าได้ไกล
