โรงพยาบาลสนามถือเป็นเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ของภาคสาธารณสุขไทยในการรับมือกับวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ยังคงน่าเป็นห่วง โดยมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมรายวันค่อนข้างสูง พร้อมมีการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในวงกว้างตลอดช่วงที่ผ่านมา การขยายพื้นที่เพื่อรองรับปริมาณผู้ป่วยในลักษณะโรงพยาบาลสนาม และจุดฉีดวัคซีนจึงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ของภาคเอกชนซึ่งมีความพร้อมทุกด้านอย่างศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพค เมืองทองธานี ซึ่งร่วมกับ AIS 5G สนับสนุนการสู้ภัยโควิด-19 ของประเทศในครั้งนี้อย่างเต็มที่
โดยล่าสุด ทางศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพค เมืองทองธานี ได้เสนออาคารชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี พื้นที่กว่า 100,000 ตารางเมตร จัดตั้งโรงพยาบาลสนาม ที่รองรับผู้ป่วยได้มากถึง 5,200 เตียง และในอนาคตอันใกล้ก็จะเป็นอีกหนึ่งจุดฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาล พร้อมผนึกกำลังร่วมกับ AIS ที่นำทีมวิศวกรพร้อมศักยภาพเทคโนโลยีสัญญาณเครือข่าย 5G 4G และ Free Wi-Fi เข้าไปเพิ่มศักยภาพการสื่อสารให้แก่บุคลากรทางการแพทย์กว่า 700 ชีวิตที่จะเข้าปฏิบัติงานในพื้นที่ และอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาอีกด้วย
นายวสิษฐ์ วัฒนศัพท์ หัวหน้าฝ่ายงานปฏิบัติการและสนับสนุนด้านเทคนิคทั่วประเทศ AIS อธิบายว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ระลอก 3 ที่ยังคงมียอดผู้ติดเชื้อรายวันอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง ทางภาคสาธารณสุขเองต้องเตรียมพร้อมที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการรับมือกับผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
แน่นอนว่า AIS เองยังคงทำงานควบคู่ไปกับภาคสาธารณสุข ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนอยู่ตลอดเวลา ในขณะเดียวกัน เราพร้อมทำงานร่วมกับพาร์ตเนอร์ในทุกภาคส่วนเพื่อสนับสนุนการทำงานของทีมแพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการควบคุมการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วที่สุด
สำหรับพื้นที่อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานีนั้น ในช่วงเวลาปกติ เครือข่ายของ AIS มีความครอบคลุมสูงสุด รองรับการใช้งานสื่อสารของประชาชนที่เดินทางมาร่วมกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างเต็มที่อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อเปิดเป็นโรงพยาบาลสนามภายใต้ชื่อ “โรงพยาบาลสนามบุษราคัม” ที่มีเป้าหมายหลักในการรักษาผู้ป่วยไม่แสดงอาการหรืออาการไม่รุนแรง เกณฑ์ “สีเหลือง” เป็นหลัก
ทำให้ต้องมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ ทั้งรถเอกซเรย์ เครื่องช่วยหายใจ และห้องตรวจปฏิบัติการ ทำให้เราต้องจัดเตรียมสรรพกำลังทั้ง 5G 4G Free Wifi และอุปกรณ์สนับสนุนอย่างตรงจุดมากยิ่งขึ้น เช่น รถสถานีฐานเคลื่อนที่อย่างเต็มที่ เพื่อเชื่อมต่อระบบ CCTV เพื่อเฝ้าระวังผู้ป่วย การส่งต่อข้อมูลการแพทย์อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ทางด้าน นายพอลล์ กาญจนพาสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพค เมืองทองธานี กล่าวว่า หลังจากได้เสนออาคารชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี พื้นที่กว่า 100,000 ตารางเมตร ให้ทางกระทรวงสาธารณสุขพิจารณาเป็นสถานที่จัดตั้งโรงพยาบาลสนามบุษราคัม เพื่อดูแลผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19 กลุ่มสีเหลือง โดยไม่คิดค่าเช่าพื้นที่ ระยะเวลา 2 เดือน มีผลตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2564 ถือเป็นอีกหนึ่งโรงพยาบาลสนามของจังหวัดนนทบุรี
ขณะเดียวกัน ถือเป็นโรงพยาบาลสนามที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยขนาดพื้นที่กว้างขวาง คาดว่าจะรองรับผู้ป่วยได้มากถึง 5,200 เตียง โดยจะแบ่งพื้นที่ชาเลนเจอร์อาคาร 1 อาคาร 2 อาคารละ 2,000 เตียง สำหรับผู้ป่วยกลุ่มสีเหลือง ส่วนอาคาร 3 อีก 1,200 เตียง เตรียมพร้อมสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการ โดยติดตั้งเต็นท์ความดันลบและเครื่องช่วยหายใจ
“ชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี เป็นอาคารที่มีพื้นที่ในร่มเป็นโถงขนาดใหญ่ โดยไม่มีเสากั้นกลาง ได้รับเลือกเป็นสถานที่จัดงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติเป็นที่รู้จักกันดี และในปี 2554 ซึ่งเกิดวิกฤตน้ำท่วมใหญ่อาคารแห่งนี้ได้ช่วยเหลือประชาชนเปิดพื้นที่ให้นำรถยนต์มาจอดหนีน้ำหลายหมื่นคัน เช่นเดียวกัน ในปีนี้การระบาดของ COVID-19 ระลอก 3 ยังมีความน่ากังวล เราจึงไม่ลังเลและยินดีอย่างมากในการมอบพื้นที่จัดตั้งโรงพยาบาลสนาม พร้อมทำงานร่วมกับ AIS และภาคสาธารณสุข บริหารจัดการควบคุมโรค เพื่อประชาชนคนไทยผ่านพ้นวิกฤตการณ์นี้ไปด้วยกันในเร็ววัน”