xs
xsm
sm
md
lg

เอ็นทีทีพบภัยโจมตีไซเบอร์พุ่ง 300% ธุรกิจสุขภาพ การเงิน การผลิตกระทบหนัก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอ็นทีที (NTT) เผยรายงานภัยคุกคามจากการโจมตีทางไซเบอร์พุ่ง 300% พบธุรกิจด้านการดูแลสุขภาพ การเงิน และการผลิตรับผลกระทบหนัก ผู้โจมตีพุ่งเป้าใช้ประโยชน์จากการไร้เสถียรภาพทั่วโลก ย้ำการโจมตีผ่านแอปพลิเคชันเพิ่มสูง มีสัดส่วนถึง 67% ของการโจมตีทั้งหมด ชี้การเข้าถึงระบบจากระยะไกล (Remote Access) เป็นช่องโหว่การโจมตีหลัก ขณะที่จำนวนนักขุดสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency Miniers) ทะยานสูงเป็นประวัติการณ์ คิดเป็น 41% ของมัลแวร์ที่มีการตรวจพบทั้งหมด

Kazu Yozawa ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แผนกความปลอดภัยของเอ็นทีที กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา บริษัทคาดการณ์ว่าจะมีการโจมตีเป้าหมายแบบฉวยโอกาสเพิ่มมากขึ้น และพบว่านั่นคือความจริง ในขณะที่อุตสาหกรรมต่างๆ พยายามรักษาระดับการให้บริการตลอดช่วงเวลาแห่งการพลิกผัน แต่มาตรฐานการรักษาความปลอดภัยที่ลดลงก็เป็นสัญญาณเตือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่บริษัทต่างๆ ต้องการระบบรักษาความปลอดภัยอย่างมาก

"บริการมากมายเริ่มปรับเข้าสู่รูปแบบดิจิทัลและออนไลน์เพื่อรองรับชีวิตวิถีใหม่ หลายองค์กรจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษในการรักษาความปลอดภัยและคงไว้ซึ่งแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดเพื่อให้องค์กรรอดพ้นจากการโจมตี”

เอ็นทีทีอธิบายข้อมูลนี้ในรายงาน Global Threat Intelligence Report (GTIR) ปี 2021 ในรายงานพบว่า แฮกเกอร์ใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ไร้เสถียรภาพทั่วโลกในการโจมตีระบบ โดยมุ่งเป้าหมายไปที่อุตสาหกรรมสำคัญและช่องโหว่ที่เกิดขึ้นจากการทำงานระยะไกล รายงานพบว่าอุตสาหกรรมด้านการดูแลสุขภาพ (Healthcare) การผลิต (Manufacturing) และการเงิน (Financial) มีการโจมตีเพิ่มสูงขึ้น (200%, 300% และ 53% ตามลำดับ) โดยภาคอุตสาหกรรมทั้ง 3 รวมกันมีสัดส่วนถึง 62% ของการโจมตีทั้งหมดในปี 2021 เพิ่มขึ้น 11% จากปี 2020

"ในขณะที่องค์กรต่างๆ มุ่งนำเสนอรูปแบบการทำงานระยะไกลในรูปแบบเสมือนจริงผ่านการใช้งานพอร์ทัลแอปพลิเคชันเฉพาะทางและเว็บแอปพลิเคชัน โดยมีการโจมตีถึง 67% ของการโจมตีทั้งหมด เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจการดูแลสุขภาพที่ปรับเปลี่ยนมาสู่รูปแบบการดูแลระยะไกลผ่านระบบเครือข่าย ทำให้การโจมตีมีความรุนแรงขึ้น โดย 97% ของการโจมตีในกลุ่มอุตสาหกรรมนี้ โดยเป็นการโจมตีผ่านเว็บแอปพลิเคชัน หรือแอปพลิเคชันเฉพาะทาง" รายงานระบุ

รายงาน GTIR ยังให้ข้อมูลเชิงลึกที่ได้รับจากผู้เชี่ยวชาญที่ปรึกษาด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ของเอ็นทีที โดยใช้เกณฑ์คะแนนของโปรแกรมรักษาความปลอดภัยที่ใช้ในอุตสาหกรรมเป็นตัวพิจารณา โดยคะแนนที่สูงแสดงให้เห็นถึงถึงแผนการดำเนินการที่มีความเสถียรมากกว่า พบว่า อุตสาหกรรมด้านการดูแลสุขภาพและการผลิตมีคะแนนค่อนข้างต่ำเพียง 1.02 และ 1.21 ตามลำดับ ลดลงจากฐานคะแนนเดิมที่ 1.12 และ 1.32 ในปี 2019 ในขณะที่อัตราการโจมตีกลับเพิ่มขึ้นมาก

อุตสาหกรรมการผลิตมีคะแนนลดลงตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมการทำงานและการเกิดขึ้นของรูปแบบการโจมตีใหม่ๆ ในขณะที่อุตสาหกรรมการเงินยังคงรักษาระดับคะแนนเกณฑ์มาตรฐานสูงสุดเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน โดยมีคะแนนอยู่ที่ 1.84 ลดลงจากปีที่ผ่านมา 0.02 คะแนน

รายงานพบว่า การโจมตีรูปแบบใหม่จาก Crypto Malware พุ่งสูงขึ้น ส่วน Trojans กลายเป็นเรื่องที่พบได้ทั่วไป ขณะที่มัลแวร์กลายเป็นเรื่องปกติสามัญทั้งในแง่คุณสมบัติและฟังก์ชันการทำงาน ตลอดปีที่ผ่านมา มัลแวร์มีการพัฒนาให้มีความสามารถมากขึ้นด้วยการเป็นมัลแวร์ที่สามารถทำงานได้หลากหลาย (Multi-finction Malware) การเกิดขึ้นของนักขุดสกุลเงินดิจิทัล (Cryptominers) ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญทดแทนการโจมตีจาก Spyware ที่เป็นมัลแวร์ที่พบบ่อยที่สุดในโลก อย่างไรก็ตาม การใช้มัลแวร์โจมตีในกลุ่มอุตสาหกรรมเฉพาะยังคงมีการพัฒนาต่อไป

นอกจากนี้ เวิร์ม (Worms) ยังเป็นการโจมตีที่พบบ่อยที่สุดในภาคอุตสาหกรรมการเงินและการผลิต ขณะที่อุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพได้รับผลกระทบจาก Trojans ที่มีการเข้าถึงจากระยะไกล (Remote Acess Trojans) อุตสาหกรรมเทคโนโลยีตกเป็นเป้าหมายของ Ransomware ภาคการศึกษาถูกโจมตีโดย Cryptominers จากกระแสนิยมในการขุดสกุลเงินดิจิทัลในกลุ่มนักเรียนที่ใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานที่ยังไม่มีการรักษาความปลอดภัย

ตลาดสกุลเงินดิจิทัลเป็นตัวอย่างสำคัญในการโจมตียุคใหม่ โดยประมาณการกันว่า Cryptominers มีถึง 41% ของมัลแวร์ที่ตรวจพบทั้งหมดในปี 2020 และ XMRig coinminer เป็นมัลแวร์ที่พบมากที่สุดถึง 82% ของกิจกรรม coinminer ทั้งหมดและประมาณ 99% พบในในทวีปยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (EMEA)

“เมื่อด้านหนึ่งเรามีผู้คุกคามที่ใช้ประโยชน์จากการเกิดภัยพิบัติทั่วโลก และอีกด้านหนึ่งเรามีอาชญากรไซเบอร์ที่กำลังใช้ประโยชน์จากการเติบโตของตลาดที่ไม่เคยมีมาก่อน ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งสองจึงเป็นเรื่องที่ยากต่อการคาดเดาและมีความเสี่ยงสูง” Mark Thomas หัวหน้าศูนย์ Global Threat Intelligence Center ของเอ็นทีที กล่าว

Thomas แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมต่อว่า การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินงานหรือการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้กำลังเปิดโอกาสให้ผู้ประสงค์ร้ายสามารถเข้ามาโจมตีระบบ และด้วยการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วของตลาดสกุลเงินดิจิทัลที่เป็นกระแสนิยมในกลุ่มคนที่ยังขาดประสบการณ์ ทำให้การโจมตีรูปแบบใหม่จึงเกิดขึ้นได้ “ขณะนี้เรากำลังเข้าสู่ช่วงของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งองค์กรและผู้ใช้งานส่วนบุคคลจำเป็นต้องจัดลำดับความสำคัญในการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ในทุกๆ อุตสาหกรรม และรวมถึงในกลุ่มห่วงโซ่อุปทานด้วย” Thomas กล่าวทิ้งทาย

สำหรับประเด็นสำคัญอื่นจากรายงาน GTIR ปี 2021 คือการโจมตีในภาคการผลิตเพิ่มขึ้นจาก 7% ในปีที่ผ่านมาเป็น 22% ขณะที่ธุรกิจด้านการดูแลสุขภาพเพิ่มขึ้นจาก 7% เป็น 17% ส่วนภาคการเงินเพิ่มขึ้นจาก 15% เป็น 23% ขณะที่องค์กรในหลายอุตสาหกรรมมองเห็นถึงการโจมตีที่เกี่ยวข้องกับวัคซีน COVID-19 และห่วงโซ่อุปทานที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ การฉวยโอกาสของการก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์เกี่ยวกับ COVID-19 ทวีความรุนแรงขึ้น โดยกลุ่มต่างๆ เช่น Ozie Team, Agent Tesla และ TA505 และนักแสดงระดับประเทศอย่าง Vicious Panda, Mustang Panda และ Cozy Bear ได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากในปี 2020 และรูปแบบของมัลแวร์ที่เกิดขึ้นบ่อยที่สุดในปี 2020 คือ Miners : 41% Trojans : 26% Worms : 10% และ Ransomware 6%

ขณะเดียวกัน Cryptominers ยังมีบทบาทสำคัญในกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะในทวีปยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (EMEA) รวมทั้งทวีปอเมริกา แต่ยังไม่ค่อยมีบทบาทมากนักในทวีปเอเชียแปซิฟิก (APAC) โดย OpenSSL เป็นเทคโนโลยีที่มีเป้าหมายความสำคัญในอเมริกา แต่กลับไม่ได้อยู่ใน 10 รายชื่อแรกในกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิก (APAC) ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากการตัดสินใจของ Schrems II ทำให้การคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของ EU-US (EU-US Privacy Shield) เป็นโมฆะ และสร้างภาระผูกพันเพิ่มขึ้นให้แก่องค์กรที่ถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลจากสหภาพยุโรปไปยังประเทศที่สาม

งานวิจัยของเอ็นทีทียังแสดงให้เห็นว่า 50% ขององค์กรทั่วโลกให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยบนระบบคลาวด์ และเป็นเป้าหมายสำคัญในการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ในช่วง 18 เดือนข้างหน้า

หากแบ่งตามภูมิภาค เอเชียแปซิฟิก ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์เป็นพื้นที่มัลแวร์มีความหลากหลาย โดยมัลแวร์ประเภท Websheels, Botnets และ Trojans ทุกรูปแบบรวมกัน มีสัดส่วนถึง 72% ของมัลแวร์ทั้งหมด แม้ว่า XMRig จะเป็นมัลแวร์ที่ตรวจพบบ่อยที่สุดทั่วโลก แต่ยังไม่มีประเทศใดในเอเชียแปซิฟิกที่พบ XMRig ติดใน 10 อันดับแรกของมัลแวร์ที่พบบ่อยที่สุด

เฉพาะในเอเชียแปซิฟิก ภาคธุรกิจการเงิน (24%) เป็นอุตสาหกรรมที่ถูกโจมตีมากที่สุด รองลงมาคือ ภาคการผลิต 22% ขณะที่ในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ภาคธุรกิจการเงินเป็นอุตสาหกรรมที่มีการโจมตีสูงเป็นอันดับต้นๆ โดยมีสัดส่วนเกือบครึ่ง 42% ของการโจมตีทั้งหมด ตามมาด้วยภาคการศึกษา 24%

ภาคธุรกิจการดูแลสุขภาพทั้งในเอเชียแปซิฟิกและออสเตรเลีย ยังเป็นอุตสาหกรรมที่ขาดความพร้อม โดยมีคะแนนเพียง 0.60 และ 0.96 ตามลำดับ ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 1.02 โดยช่องว่างของคะแนนที่ห่างมากที่สุดอยู่ในทวีปเอเชียแปซิฟิก โดยมี 2.53 คะแนนที่ต้องทำเพื่อให้ถึงเป้าหมาย ขณะที่ธุรกิจด้านเทคโนโลยี (2.02) เป็นภาคอุตสาหกรรมที่มีคะแนนสูงกว่าค่าเฉลี่ยสากล (1.64)


กำลังโหลดความคิดเห็น