แอดไวซ์ มองตลาดไอทีปีนี้ยังเติบโตต่อเนื่อง หลังผู้ประกอบการ และผู้บริโภคเริ่มปรับตัวมาสู่ดิจิทัล ทำให้ความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้น พร้อมเร่งเสริมกลยุทธ์ออนไลน์ให้ลูกค้าใช้งานได้สะดวกขึ้น ทั้งช่องทางอี-เทลเลอร์ออนไลน์ อี-มาร์เกตเพลซ และโซเชียลคอมเมิร์ซ
นายจักรกฤช วัชระศักดิ์ศิลป์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานผลิตภัณฑ์ การขายและการตลาด บริษัท แอดไวซ์ ไอที อินฟินิท จำกัด กล่าวถึงความต้องการสินค้าไอทีของผู้บริโภคในปัจจุบันว่า ยังมีศักยภาพที่ดีเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา จากก่อนหน้านี้สินค้าไอทีอาจจะเป็นเพียงสินค้าทางเลือกมีลูกค้าจะตัดสินใจซื้อก็ต่อเมื่อจำเป็นต้องใช้เท่านั้น
แต่เมื่อเหตุการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เกิดขึ้น ส่งผลให้พฤติกรรมของลูกค้านั้นเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว และอุปกรณ์ไอทีก็เริ่มมีบทบาทในชีวิตประจำวันของทุกคนมากยิ่งขึ้น รวมถึงการปรับตัวขององค์กรและธุรกิจต่างๆ ที่นำรูปแบบการทำงานแบบ Work From Home มาปรับใช้อย่างแพร่หลาย ทำให้ดีมานด์สินค้าไอทีจะยิ่งสูงขึ้นอีกในอนาคต
“ดีมานด์สินค้าไอทีไม่ได้ลดลงแต่ประสบปัญหาซัปพลายไม่เพียงพอต่อความต้องการสืบเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ตั้งแต่ปีที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ โดยเฉพาะโน้ตบุ๊กมีความต้องการสูงเพราะต้องใช้ทำงานในช่วง Work from Home ในส่วนตลาดคอนซูเมอร์ ทางด้านตลาดองค์กรมีความต้องการโน้ตบุ๊กด้วยเช่นกันซึ่งได้มีการวางแผนในการจัดซื้ออยู่แล้ว”
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 แอดไวซ์เล็งเห็นโอกาสที่จะปัญหาและความเสี่ยงที่ลูกค้าได้รับจากเหตุการณ์ดังกล่าว แอดไวซ์จึงเดินหน้าเสริมกลยุทธ์ด้านออนไลน์เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าและใช้บริการจากแอดไวซ์ได้สะดวกมากขึ้น
โดยในส่วนแรกคือ ช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าที่แอดไวซ์พัฒนาอย่างต่อเนื่องทั้ง 3 ช่องทาง ได้แก่ อี-เทลเลอร์ออนไลน์ ซึ่งเป็นช่องทางหลักและเป็นช่องทางสำคัญในการให้บริการออนไลน์ ที่แอดไวซ์มีการพัฒนารูปแบบการขายและการจัดการระบบโลจิสติกส์อย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์สถานการณ์ความต้องการและพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของลูกค้า
ถัดมาคือ อี-มาร์เกตเพลซ ซึ่งเป็นช่องทางที่สามารถสร้างยอดขายและการรับรู้ต่อแบรนด์ได้ดีในปัจจุบันด้วยแคมเปญที่เป็นเอกลักษณ์อย่างแคมเปญดับเบิลเดตในทุกๆ เดือน ซึ่งแอดไวซ์ได้มีร้านค้าบนแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น ช้อปปี้ ลาซาด้า เจดี-เซ็นทรัล และเอสซีจี เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่แอดไวซ์พัฒนาอย่างต่อเนื่อง
สุดท้าย โซเชียลคอมเมิร์ซ เป็นรูปแบบการขายและให้บริการผ่านโซเชียลมีเดีย เช่น ไลน์ เฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นช่องทางที่ผู้บริโภคใช้งานในชีวิตประจำวันเป็นปกติ โดยลูกค้าสามารถสอบถามข้อมูลของสินค้าและการบริการได้อย่างละเอียดจากพนักงานของแอดไวซ์ นอกจากช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านออนไลน์แล้ว
ในส่วนของการให้บริการหลังการขายแอดไวซ์ พร้อมให้บริการรับซ่อม-เคลม ถึงบ้านเพื่อความสะดวกของลูกค้าในยุคที่ไม่มีใครอยากออกจากบ้านจากสถานการณ์โควิด-19 ปัจจุบัน กับเซอร์วิสถึง 3 รูปแบบ ด้วยค่าบริการเริ่มต้นเพียง 100 บาท
ทั้งนี้ จากปัจจัยด้านช่องทางการจัดจำหน่ายและการให้บริการดังที่กล่าวมาในขั้นต้น แอดไวซ์มีความมั่นใจว่าจะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง แม้ในสถานการณ์ในปัจจุบันที่ทุกคนต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและรูปแบบการใช้ชีวิต
“จุดแข็งด้านคุณภาพสินค้า บริการ และศักยภาพบุคลากรถือเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนให้แอดไวซ์เติบโตอย่างยั่งยืน ดังนั้น ผู้ประกอบการจะต้องมีความยืดหยุ่นในการปรับตัวให้สามารถตอบโจทย์หรือสร้างความประทับใจให้แก่ผู้บริโภคได้มากที่สุด นับเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจสามารถแข่งขันและอยู่รอดได้ แอดไวซ์เชื่อมั่นเช่นเดียวกัน”