ดีอีเอส เปิดสถิติข่าวปลอม 3 เดือนแรกปี 2564 ทะลุ 50 ล้านข้อความ พิษโควิด-19 เป็นปัจจัยหนึ่งที่ดันตัวเลขข่าวปลอมเพิ่ม ขณะที่ปี 2563 พบมือโพสต์ที่เข้าข่ายทำผิดกฎหมายกว่า 2 พันคน
น.ส.อัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม กล่าวว่า จากการรับแจ้งเบาะแส และติดตามการสนทนาบนโลกออนไลน์เกี่ยวกับข่าวปลอม ช่วงระยะเวลา 3 เดือนแรกของปี 2564 พบว่า มีข้อความข่าวที่ต้องคัดกรองจำนวนกว่า 50 ล้านข้อความ ข้อความข่าวที่เข้าเกณฑ์ดำเนินการตรวจสอบ 4,649 ข้อความ โดยหลังจากคัดกรองพบข้อความข่าวที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 2,194 เรื่อง (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มี.ค.2564)
สำหรับภาพรวมการดำเนินงานของศูนย์ฯ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2562-31 มี.ค.2564 พบข้อความข่าวที่ต้องคัดกรองทั้งสิ้นกว่า 94 ล้านข้อความ โดยมีข้อความข่าวที่เข้าเกณฑ์ดำเนินการตรวจสอบ 28,717 ข้อความ และหลังจากคัดกรองพบข้อความข่าวที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ 9,775 เรื่อง ในจำนวนนี้หมวดสุขภาพยังมีสัดส่วนมากสุด 5,301 เรื่องคิดเป็น 54% อันดับรองลงมา ได้แก่ หมวดนโยบายรัฐ 4,000 เรื่อง คิดเป็น 41% หมวดเศรษฐกิจ 300 เรื่อง คิดเป็น 3% และหมวดภัยพิบัติ 174 เรื่อง คิดเป็น 2%
โดยข่าวที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 9,755 เรื่อง ได้ทำการตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว 5,207 เรื่อง แบ่งเป็นข่าวปลอม 2,418 เรื่อง ข่าวจริง 1,946 เรื่อง ข่าวบิดเบือนจำนวน 378 เรื่อง
น.ส.อัจฉรินทร์ กล่าวว่า ทางด้านการดำเนินการทางกฎหมายนั้น กระทรวงดีอีเอส และศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้มีการประสานร่วมกับศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) โดยจากผลการตรวจสอบที่พบว่าเป็นข่าวปลอม และข่าวบิดเบือน ตั้งแต่มีการจัดตั้งศูนย์ฯ ถึงสิ้นไตรมาสแรกปีนี้ (วันที่ 1 พ.ย.2562-31 มี.ค.2564) พบจำนวนคนที่เข้าข่ายกระทำความผิดตามกระบวนการทางกฎหมาย 2,276 คน
ขณะที่ผลการดำเนินงานเกี่ยวกับข่าวปลอมที่เกาะกระแสไวรัสโควิด-19 ทั้ง 2 ระลอก รวบรวมข้อมูลระหว่างวันที่ 25 ม.ค.2563-31 มี.ค.2564) มีจำนวนข้อความที่เกี่ยวข้องกว่า 57 ล้านข้อความ โดยหลังจากคัดกรองพบข่าวที่เข้าหลักเกณฑ์ 5,079 ข้อความ ข่าวที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ 2,334 เรื่อง แบ่งเป็น อันดับ 1 คือ หมวดหมู่สุขภาพ 1,589 เรื่อง คิดเป็น 68% ตามมาด้วยหมวดหมู่นโยบายรัฐ 621 เรื่อง คิดเป็น 27% หมวดหมู่เศรษฐกิจ 124 เรื่อง คิดเป็น 5% ตามลำดับ ในส่วนของหมวดหมู่ภัยพิบัติไม่พบเรื่องที่เข้าข่าย