หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) ลงนามในบันทึกข้อตกลง (MoU) ร่วมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เตรียมทรานสฟอร์มเป็นมหาวิทยาลัยอัจฉริยะผ่านการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลล้ำสมัย โดยความร่วมมือในครั้งนี้นับเป็นเครื่องยืนยันความเป็นสถาบันการศึกษาชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรีและนายกสภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวถึงความร่วมมือระหว่างหัวเว่ยและมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ว่า จะเป็นก้าวสำคัญสำหรับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยหัวเว่ยและมหาวิทยาลัยจะร่วมกันสร้างสรรค์ระบบการศึกษาที่สามารถแบ่งปันความรู้ให้เข้าถึงคนทุกกลุ่ม ผ่านโซลูชันการเรียนรู้ทางไกลอันล้ำสมัย
“ผมต้องขอขอบคุณหัวเว่ย เทคโนโลยี่ ที่เข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนการใช้ดิจิทัลเพื่อส่งเสริมการศึกษา ตลอดจนช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยไปข้างหน้าและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศอย่างต่อเนื่อง”
ภายใต้ความร่วมมือนี้ หัวเว่ยจะยื่นมือช่วยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแบบบูรณาการขั้นสูง และนำเทคโนโลยี 5G พร้อมด้วยบิ๊กดาต้า และคลาวด์มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
สำหรับการเซ็น MoU ครั้งนี้นับเป็นการลงนามในบันทึกข้อตกลงฉบับที่ 2 ระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย โดยก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนพฤศจิกายน หัวเว่ยและมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้ร่วมลงนามใน MoU เพื่อพัฒนาบุคลากรด้านไอซีที ภายใต้โครงการ Huawei ICT Academy เพื่อจัดหลักสูตรแนวปฏิบัติการและการฝึกงานให้แก่นักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เตรียมความพร้อมเข้าสู่ตลาดแรงงานในโลกยุคดิจิทัล
ความร่วมมือรอบใหม่จะครอบคลุมระยะเวลา 5 ปี ทั้ง 2 ฝ่ายจะร่วมกันนำเทคโนโลยี 5G มาใช้ เพื่อผลักดันแนวคิดห้องเรียนและโซลูชันอัจฉริยะเพื่อการศึกษา เร่งขับเคลื่อนการเรียนการสอนที่เปี่ยมประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากการมีส่วนร่วมในการวิจัยที่กว้างขึ้น หัวเว่ยยังจะนำเทคโนโลยีดิจิทัลต่างๆ มาผสมผสานให้ตรงกับความต้องการของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อสร้างสรรค์มหาวิทยาลัยอัจฉริยะที่แท้จริง เร่งสนับสนุนการเรียนรู้ให้ก้าวกระโดด ช่วยขับเคลื่อนการใช้งานของเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น บิ๊กดาต้า และบริการต่างๆ ผ่านคลาวด์ ซึ่งล้วนช่วยสร้างเสริมประสิทธิภาพและการเชื่อมต่ออย่างสมบูรณ์ระหว่างคณะและศูนย์ต่างๆ ภายในมหาวิทยาลัย เช่น คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ คณะเกษตรศาสตร์ ศูนย์การจัดการแคมปัสอัจฉริยะ และศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ
ศาสตราจารย์คลินิค นายแพทย์นิเวศน์ นันทจิต อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มองว่าการผนึกกำลังของ 2 หน่วยงานจะเป็นการเริ่มต้นบทใหม่ที่สำคัญ การทำงานร่วมกับหัวเว่ยอย่างต่อเนื่องจะช่วยสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้แก่วงการการศึกษาในระดับอุดมศึกษา
“เราพร้อมเดินหน้าบ่มเพาะนักศึกษาที่เปี่ยมด้วยทักษะความสามารถ และเติบโตไปเป็นผู้บริหารในสาขาธุรกิจต่างๆ ปัจจุบันเทคโนโลยีอันล้ำสมัยได้กลายเข้ามามีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมการศึกษา ผมขอขอบคุณหัวเว่ย ที่ได้มาร่วมทำงานกับมหาวิทยาลัย อันจะช่วยรักษามาตรฐานระดับสูงของการศึกษาและคงไว้ซึ่งชื่อเสียงอันยาวนานของเราในการบ่มเพาะนักศึกษาที่พร้อมเข้าทำงานมากที่สุดในภูมิภาค”
ขณะที่นายอาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ยืนยันว่าภายใต้วิสัยทัศน์แห่งการเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำที่รับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาที่ยั่งยืน บริษัทมั่นใจว่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีความพร้อมสำหรับการทรานสฟอร์มสู่ดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ
“ผมขอขอบคุณมหาวิทยาลัยที่ให้หัวเว่ยได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งบนเส้นทางสู่การเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของภูมิภาคอาเซียน ตลอดจนการเป็นผู้นำด้านการพัฒนาการศึกษาและการพัฒนาทักษะที่ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยี เราจะจับมือกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เพื่อสร้างสรรค์โมเดลให้แก่มหาวิทยาลัยแห่งอื่นๆ เพื่อสร้างโซลูชันที่สะดวก รวดเร็ว น่าเชื่อถือ และเพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยให้แก่วงการการศึกษา หัวเว่ยพร้อมเดินหน้าทำงานภายใต้พันธกิจ Grow in Thailand, Contribute to Thailand ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยี พาร์ตเนอร์ด้านไอซีทีที่ได้รับความไว้วางใจ และผู้ขับเคลื่อนการทรานสฟอร์มสู่ดิจิทัล บริษัทจะนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาสู่ทุกคน ทุกบ้าน และทุกองค์กร เพื่อสร้างประเทศไทยอัจฉริยะที่เชื่อมโยงถึงกันได้อย่างเต็มรูปแบบ”
ภายใต้เอ็มโอยูฉบับนี้ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จะพร้อมเดินหน้าเป็นมหาวิทยาลัยอัจฉริยะ 5G ชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นสถาบันการศึกษาในระดับอุดมศึกษาที่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีและการพัฒนาทักษะ นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยยังมีเป้าหมายในการเป็นแบบอย่างให้แก่มหาวิทยาลัยอื่นๆ ในการประยุกต์ใช้ประโยชน์จากโซลูชันล้ำสมัย ที่สะดวก รวดเร็ว น่าเชื่อถือ และพร้อมรองรับอนาคต