เปิด 6 แนวโน้มสำคัญที่คาดว่าจะมีอิทธิพลและกำหนดอนาคตของวิธีการทํางานในปี ค.ศ.2021 ผลจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้เกิดวิถีการทำงานระยะไกล (Remote working) แสดงให้เห็นว่าองค์กรทั้งหลายจําเป็นต้องเร่งทบทวนวิธีการปฏิบัติงานของตนเองอย่างจริงจัง
ปิแอร์-ฌองชาลอง รองประธานอาวุโสประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกแห่งโพลี กล่าวถึงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้เกิดวิถีการทำงานระยะไกล (Remote working) ขึ้นเป็นจํานวนมากในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยระบุว่าเป็นไปได้อย่างมากที่ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจะมี "เครือข่าย" ของสมาชิกในองค์กรและเทคโนโลยีอันเชื่อมโยงรวมเข้าหากัน และสถานที่ตั้งทางกายภาพจะมีความสำคัญน้อยลง
เทรนด์แรกคือการทำงานแบบไฮบริดยังเป็นที่นิยม เพราะการทำงานจะไม่ใช่เพียงแค่สถานที่ แต่หมายถึงสิ่งที่พนักงานปฏิบัติ
"ในปี ค.ศ.2021 นี้ เราคาดว่าจะมีองค์กรจำนวนมากขึ้นนำรูปแบบการทำงานแบบไฮบริดใหม่มาใช้ และเน้นประสบการณ์การทำงานที่สอดคล้องราบรื่นมากขึ้น ไม่ว่าพนักงานจะอยู่ที่ไหน ที่ทำงาน ที่บ้าน หรือที่ใดก็ตาม งานจะไม่ได้ถูกกำหนดด้วยจำนวนชั่วโมงที่ทำอีกต่อไป แต่จะถูกพิจารณาโดยประสิทธิผลที่เกิดขึ้น"
เทรนด์ที่ 2 คือบริการ XAAS สร้างความคล่องตัวทางธุรกิจ เพราะบริการ XAAS (Anything-As-A-Service) จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนให้เกิดการปฏิรูปทางดิจิทัล ผู้ให้บริการจะให้บริการดิจิทัลที่ตลาดต้องการในรูปแบบบอกรับสมาชิก (Subscription) ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถเริ่มต้นใช้งานและปรับขนาดการใช้งานได้ตามต้องการ ให้ความคล่องตัวในการทำงานทุกขั้นตอนได้อย่างราบรื่น ไม่หยุดชะงัก
เทรนด์ที่ 3 คือมีผู้บริโภคระดับโปรซูมเมอร์มากขึ้น โดยพนักงานจะพบว่าอุปกรณ์ในระดับที่ผู้บริโภคใช้ทั่วไปยังไม่สามารถตอบสนองต้องการเมื่อต้องใช้ในการทำงานได้ พนักงานต้องการยกระดับพื้นที่ที่ใช้ทำงานในบ้านด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตบนสายไฟเบอร์ ชุดหูฟังที่สามารถป้องกันเสียงรบกวน หรือแม้กระทั่งโซลูชันการประชุมทางเสียงและวิดีโอ ซึ่งจะต้องช่วยให้พวกเขาสามารถเข้าร่วมการประชุมทางวิดีโอได้ ด้วยการคลิกปุ่มเพียงครั้งเดียว
เทรนด์ที่ 4 คือการใช้เทคโนโลยีปฏิรูปสำนักงาน เห็นได้ชัดว่าสำนักงานต่างๆ จะกลายเป็นจุดรวมศูนย์กลางในการพบปะของพนักงาน ในขณะที่งานส่วนใหญ่ยังคงปฏิบัติมาจากระยะไกล พื้นที่ในทำงานจะใช้เทคโนโลยีมากขึ้น เพื่อให้การทำงานสามารถประสานร่วมกันมากขึ้น และรองรับรูปแบบการทำงานของพนักงานแต่ละคนได้ อีกทั้งยังสามารถอำนวยความสะดวกให้แก่การดำเนินธุรกิจได้จากทุกที่
เทรนด์ที่ 5 คือวิดีโอยังจะเป็นที่นิยมอีกต่อไป เพราะด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาส่งให้การประชุมทางวิดีโอในปัจจุบันเป็นเรื่องปกติมากขึ้น สามารถช่วยยกระดับการทำงานร่วมกันให้สูงมากขึ้น จึงกลายเป็นวิธีการทำงานที่สำคัญขององค์กรธุรกิจ อันรวมถึงองค์กรในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การแพทย์ทางไกลและการศึกษาทางไกลที่กำลังปรับตัวไปสู่วิธีการดำเนินธุรกิจในรูปแบบใหม่ด้วยเช่นกัน
เทรนด์ที่ 6 คือใช้การเชื่อมต่อยกระดับประสบการณ์การทำงานร่วมกันให้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากธุรกิจต่างๆ จะมองหาเทคโนโลยีใหม่ อันรวมถึงเครือข่าย 5G ที่ให้การเชื่อมต่อของอุปกรณ์ต่างๆ อย่างไร้รอยต่อ เพื่อสร้างประสบการณ์การทำงานร่วมกันที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ในความพยายามปฏิรูปสู่ดิจิทัลจะเห็นองค์กรมุ่งเน้นใช้เทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้ใช้ปลายทางสามารถปฏิบัติงานได้อย่างราบรื่นมากขึ้น