xs
xsm
sm
md
lg

ดุเดือด! ถอดรหัสคำพูด “ทิม คุก” นำทัพ Apple วิจารณ์สื่อโซเชียล โหมไฟขัดแย้ง Facebook แรงขึ้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ทิม คุก ย้ำว่าโลกไม่สามารถหลับหูหลับตาเชื่อว่าทุก engagement คือ engagement ที่ดี
เด็ดขาดจริงๆ สำหรับคำพูดของ “ทิม คุก” (Tim Cook) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแอปเปิล (Apple) ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การแบ่งขั้วแยกข้าง และการระบาดของข้อมูลเท็จบนโซเชียลมีเดียอย่างถึงพริกถึงขิง กลายเป็นความเผ็ดร้อนที่โหมไฟให้ความขัดแย้งระหว่างผู้ผลิตไอโฟนและยักษ์ใหญ่อย่างเฟซบุ๊ก (Facebook) ยิ่งทวีความชัดเจนกว่าเดิม ทำให้ผู้คนทั่วโลกจับตามองใกล้ชิดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงใดตามมาหรือไม่

Tim Cook ออก แถลงการณ์ผ่านการประชุมออนไลน์เรื่อง Computers, Privacy and Data Protection conference ซึ่งมีเนื้อหาเรื่องความเป็นส่วนตัวและการปกป้องข้อมูลเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา ในแถลงการณ์ Cook วิพากษ์วิจารณ์ว่าหลายแอปพลิเคชันที่รวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลมากเกินไป และให้ความสำคัญกับ "ทฤษฎีสมคบคิดและการยั่วยุที่รุนแรง" เพียงเพราะประเด็นเหล่านี้สามารถเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ในอัตราที่สูง จุดนี้ Cook ย้ำว่าเป็นสิ่งที่ไม่อาจละเลยได้อีกต่อไป

“ในช่วงเวลาที่การบิดเบือนข้อมูลและทฤษฎีสมคบคิดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะอัลกอริธึม เราไม่สามารถหลับหูหลับตาเชื่อทฤษฎีของเทคโนโลยีที่บอกว่าทุก engagement หรือการมีส่วนร่วมทั้งหมดคือ engagement ที่ดี หรือ engagement ยิ่งนานเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น และทั้งหมดนี้มีเป้าหมายในการรวบรวมข้อมูลให้มาก เท่าที่จะทำได้” เจ้าพ่อ Apple กล่าว

แม้จะไม่ได้เอ่ยชื่อ Facebook แต่ทั้ง 2 บริษัทมีข้อพิพาทกันชัดเจนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความเคลื่อนไหวล่าสุดคือ Apple กำลังเตรียมที่จะใช้การแจ้งเตือนความเป็นส่วนตัว (privacy notifications) ที่หลายบริษัทในอุตสาหกรรมโฆษณาดิจิทัลเชื่อว่าจะทำให้ผู้ใช้บางส่วนปฏิเสธที่จะอนุญาตให้ระบบใช้เครื่องมือเพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมายโฆษณา เช่นในเร็วๆ นี้ที่ Apple จะกำหนดให้แอปต้องขออนุญาตจากผู้ใช้ก่อนติดตามข้อมูลในแอปหรือเว็บไซต์ที่บริษัทอื่นเป็นเจ้าของ โดยผู้ใช้จะสามารถดูได้ภายใต้หัวข้อการตั้งค่าว่าแอปไหนขออนุญาตติดตามและทำการเปลี่ยนแปลงตามเห็นสมควร ข้อกำหนดนี้จะเปิดให้ใช้งานอย่างแพร่หลายในต้นฤดูใบไม้ผลิพร้อมกับการเปิดตัวการอัปเดตไอโอเอสใหม่ iOS 14, ไอแพดโอเอส iPadOS 14 และทีวีโอเอส tvOS 14

Facebook กล่าวหา Apple ว่ามีพฤติกรรมต่อต้านการแข่งขัน เนื่องจาก Apple เดินหน้าขยายแคตตาล็อก paid app อย่างเป็นล่ำเป็นสัน รวมถึงมีธุรกิจโฆษณาดิจิทัลของตัวเอง
Apple ยังเปิดตัวเทคโนโลยีมากมายตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยระบุว่าเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ และช่วยรักษาข้อมูลของผู้ใช้ให้ปลอดภัยอยู่เสมอ ตัวอย่างเช่น ซาฟารี (Safari) เป็นเบราว์เซอร์ตัวแรกที่บล็อกคุกกี้ของบริษัทอื่นเป็นค่าเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2005 ส่วนใน iOS 11 และ macOS High Sierra นั้น Safari ก็ได้เพิ่มคุณสมบัติ "การป้องกันการติดตามอัจฉริยะ" เพื่อจำกัดการติดตามมากขึ้นไปอีกในขณะที่เว็บไซต์ยังคงทำงานได้ปกติ ต่อมาในปี 2018 ทาง Apple ได้เพิ่มมาตรการที่จะช่วยป้องกันไม่ให้มีการสะกดรอย Mac ซึ่งเป็นแนวทางที่บริษัทอื่นใช้ในการระบุอุปกรณ์ของผู้ใช้โดยอ้างอิงจากข้อมูลอย่างฟอนต์และปลั๊กอิน

แม้ Apple จะย้ำว่าได้รับการสนับสนุนจากผู้รณรงค์ด้านความเป็นส่วนตัวทั่วโลก แต่ Facebook กล่าวหา Apple ว่ามีพฤติกรรมต่อต้านการแข่งขัน เนื่องจาก Apple เดินหน้าขยายแคตตาล็อก paid app หรือแอปที่ต้องซื้อให้เพิ่มจำนวนขึ้น รวมถึงมีธุรกิจโฆษณาดิจิทัลของตัวเอง โดยมาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Facebook ตัดสินใจออกสื่อเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า Apple มี “แรงจูงใจ” ในการใช้ฐานะแพลตฟอร์มที่โดดเด่นของตัวเอง เพื่อขัดขวางการทำงานของแอปพลิเคชันอื่น รวมถึงแอปของ Facebook

Apple เปิดตัวเทคโนโลยีความส่วนตัวของข้อมูลมากมายตลอดหลายปีที่ผ่านมา
อีกประเด็นที่ Cook วิพากษ์วิจารณ์อย่างตรงไปตรงมา คือแนวทางการปฏิบัติของโซเชียลมีเดียที่ทำลายความไว้วางใจในวัคซีนของสาธารณชน และยังสนับสนุนให้ผู้ใช้เข้าร่วมกลุ่มหัวรุนแรงหลากหลายด้วย 

Cook เชื่อว่าโลกควรหยุดได้ตั้งนานแล้ว โดยเฉพาะการแสร้งทำเป็นว่าสื่อโซเชียลไม่ได้มาพร้อมกับความเสียหายมากมายของการแบ่งขั้ว การทำลายความไว้วางใจ และความรุนแรง ภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกทางสังคม ไม่สามารถปล่อยให้กลายเป็นหายนะทางสังคมได้อีกต่อไป

เพื่อตอบโต้คำพูดของ Cook เจ้าพ่อสื่อโซเชียลอย่าง Facebook ออกแถลงการณ์บ้างโดยบอกว่า “Apple มีพฤติกรรมต่อต้านการแข่งขัน โดยใช้อำนาจการควบคุม App Store เพื่อสร้างประโยชน์ต่อผลกำไรของตัวเอง บนค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของผู้พัฒนาแอปและธุรกิจขนาดเล็ก”

ไม่ว่าข้อกล่าวหาของใครจะเป็นเรื่องจริง แต่ความขัดแย้งระหว่าง Apple และ Facebook นั้นรุนแรงขึ้นอย่างแท้จริงแน่นอน


กำลังโหลดความคิดเห็น