Drivehub แพลตฟอร์มรถเช่าออนไลน์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ประกาศผลการระดมทุนในรอบ Series-A มูลค่ากว่า 30 ล้านบาท จากทั้งบริษัทในประเทศและต่างประเทศ นำโดยโตโยต้า ทูโช (ไทยแลนด์), CAC Capital (CVC จากประเทศญี่ปุ่น) และ KK Fund Fund ย้ำพร้อมนำเงินทุนรอบใหม่ไปใช้ขยายฐานลูกค้า พัฒนาซอฟต์แวร์ และระบบเทคโนโลยี ตลอดจนขยายการบริการสู่ตลาดใหม่สู่ประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์
ธัชชัย เชื้อประไพศิลป์ CEO และ Co-founder กล่าวว่า Drivehub จะนำเงินทุนที่ได้มาไปใช้เพื่อขยายธุรกิจให้ไปสู่ระดับภูมิภาค ในขณะเดียวกัน บริษัทยังคงเปิดกว้างและมองหาช่องทางอื่นๆ ที่จะพัฒนารูปแบบธุรกิจรถเช่าแบบดั้งเดิมนี้ให้เข้าไปสู่ Mobility Sector มากขึ้น
“เช่น การเช่ารถในรูปแบบ Subscription Model รวมถึงการให้เช่ารถแบบ Peer-2-Peer (Sharing Economy)”
การระดมทุนรอบนี้ถือเป็นการประกาศการลงทุนครั้งสำคัญครั้งที่ 2 ของ KK Fund รองจาก CapBay ในมาเลเซียเมื่อต้นเดือนนี้ จากการประกาศครั้งนี้ KK Fund ได้แสดงให้เห็นถึงประวัติอันแข็งแกร่งในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่บริษัทในพอร์ตโฟลิโอที่มุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
3 ปัจจัยที่นำมาสู่การระดมทุนที่ประสบความสำเร็จของ Drivehub ในครั้งนี้ ได้แก่ ผลการดำเนินงานในช่วง COVID-19 ที่แข็งแกร่ง เนื่องจาก Drivehub เติบโตขึ้น 50 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แม้ว่ายอดขายจะลดลงมากถึง 90 เปอร์เซ็นต์ในเดือนเมษายน 2020 ยังมีความต้องการเช่ารถแบบไม่ใช้บัตรเครดิตทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เห็นชัดจากการสมัครโดยใช้ข้อมูลบัตรเครดิตยังคงอยู่ในระดับต่ำ แม้ว่าจะมีความต้องการเช่ารถอยู่ในตลาด (เช่น 52 เปอร์เซ็นต์ของการเช่ารถทั้งหมดเกิดขึ้นในประเทศไทย ไม่ต้องใช้บัตรเครดิต ในขณะที่มีเพียง 2 เปอร์เซ็นต์ของอินโดนีเซียเท่านั้นที่ต้องใช้บัตรเครดิต) รวมถึงความจำเป็นของอีคอมเมิร์ซในช่วงวิกฤต COVID-19 โดยบริษัทให้เช่ารถในพื้นที่หลายแห่งขาดทรัพยากรหรือความรู้ในการพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ซึ่ง Drivehub มีวิธีแก้ปัญหาให้
ข้อมูลอ้างอิงจากธนาคารโลกปี 2017 พบว่าสัดส่วนตัวเลขจำนวนผู้ถือครองบัตรเครดิตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นมีเพียงเล็กน้อย โดยแบ่งเป็น มาเลเซีย 21% อินโดนีเซีย 2% และประเทศไทย 10% ผู้ที่ไม่ได้ถือครองบัตรเครดิตจึงมีข้อจำกัดในการเลือกเช่ารถมากกว่า ซึ่งจำเป็นต้องเช่ารถผ่านผู้ให้บริการรถเช่าท้องถิ่นเท่านั้น โดยส่วนแบ่งตลาดของการเช่ารถโดยไม่ใช้บัตรเครดิต (เช่ารถด้วยเงินสด) ในประเทศไทยนั้นมีมากถึง 52% ทีเดียว
อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมนี้มีรูปแบบการให้บริการและใช้จ่ายผ่านระบบออนไลน์มากยิ่งขึ้น ผู้ให้บริการรถเช่าท้องถิ่นหลายเจ้าจึงขาดซึ่งกำลังทรัพย์ และองค์ความรู้ที่จะพัฒนาช่องทางออนไลน์ในการให้บริการด้วยตัวเอง Drivehub ผู้ซึ่งเล็งเห็นถึงปัญหานี้จึงตอบสนองต่อความต้องการของผู้เช่าด้วยการรวบรวม และให้บริการที่สนับสนุนต่อการเช่าทั้ง 2 รูปแบบ คือ การเช่ารถด้วยบัตรเครดิต จากผู้ให้บริการรายใหญ่ระดับนานาชาติ (เช่น Hertz, Dollar, Sixt) และการเช่ารถด้วยเงินสดจากผู้ให้บริการรายย่อยระดับท้องถิ่น
ด้วยการร่วมมือกับนักลงทุนใหม่ โตโยต้า ทูโช (ไทยแลนด์) ผู้ซึ่งมีความหลากหลายในการทำธุรกิจ และการให้บริการ เช่น การขาย-รับซื้อรถยนต์ใหม่หรือใช้แล้ว ไฟแนนซ์รถยนต์ ประกันรถยนต์ ตลอดจนการซ่อมบำรุงรักษารถยนต์ จะสามารถสนับสนุนเพื่อต่อยอด และส่งเสริมธุรกิจของ Drivehub ให้เติบโตขึ้นอย่างมั่นคง เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มอย่างหลากหลายมากขึ้นในอนาคต รวมถึงผู้ให้บริการเช่ารถรายย่อยระดับท้องถิ่นบนแพลตฟอร์มของ Drivehub ทุกคนที่จะได้เข้าถึงโอกาสในการพัฒนา และต่อยอดธุรกิจของตนเองได้อย่างยั่งยืนต่อไป
จากช่องทางในการพัฒนาธุรกิจที่มีเพิ่มขึ้นอย่างหลากหลาย พร้อมกับวิธีการบริหารจัดการความเสี่ยงที่ได้พิสูจน์แล้วว่าประสบผลสำเร็จ ทำให้ Drivehub เติบโตขึ้นถึง 50% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งทำให้ยอดขายตกลงกว่า 90% ในช่วงเดือนเมษายน แต่ Drivehub ก็สามารถฟื้นตัวกลับมาได้อย่างรวดเร็ว
พิทยา ญาณสมบูรณ์ COO และ Co-founder ของ Drivehub กล่าวเพิ่มเติมว่า เป้าหมายของบริษัทคือการเป็นแพลตฟอร์มให้บริการค้นหารถเช่าแบบครบวงจรที่รวบรวมผู้ประกอบการที่มีมาตรฐาน และความเป็นมืออาชีพเข้าไว้ด้วยกัน
“เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าของเราทุกคนจะได้รับประสบการณ์การเช่ารถที่ดี ทั้งในด้านความสะดวกสบายในการจอง การเปรียบเทียบราคา และความมั่นใจในคุณภาพ เพราะได้เห็นรูปจริงของรถที่ต้องการจะใช้บริการ เพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนทำการจอง ตลอดจนได้รับการบริการที่มีมาตรฐานจากทั้งพนักงานของ Drivehub และผู้ประกอบการรถเช่าที่อยู่ในแพลตฟอร์มของเรา”