xs
xsm
sm
md
lg

Huawei เผยเทรนด์นวัตกรรมที่จะเกิดขึ้นใน 5 ปีข้างหน้า

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ปี 2020 เป็นหนึ่งในปีที่เทคโนโลยีดิจิทัลมีอิทธิพลอย่างมากกับทั้งภาคเศรษฐกิจและภาคสังคมทั่วโลก ทั้งกับการดำเนินชีวิตของผู้คนและแนวทางการดำเนินธุรกิจขององค์กรที่มีการนำเทคโนโลยีไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์มากขึ้น ซึ่งในปี ค.ศ.2021 ที่กำลังจะมาถึงก็จะได้เห็นนวัตกรรมใหม่ๆ แห่งอนาคตกันอีก

โดยจะมีเทรนด์ดิจิทัลเทคโนโลยีสำคัญถึง 10 เทรนด์ ซึ่งมีอย่างน้อย 4 เทรนด์เทคโนโลยีที่จะส่งผลต่อภาคเศรษฐกิจและภาคสังคมของทั้งประเทศไทยและต่างประเทศกันอีกครั้ง และจะเป็นการกำหนดอนาคตของการสร้างโลกอัจฉริยะอย่างครอบคลุมในปี ค.ศ.2025  

นายอาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ยเทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ได้เปิดเผยถึงเทรนด์นวัตกรรมที่มีนัยสำคัญภายใน 5 ปีข้างหน้านี้ว่า ในฐานะที่หัวเว่ยเป็นบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยี ภารกิจของหัวเว่ยคือการเติบโตในประเทศไทยไปพร้อมกับการสนับสนุนประเทศไทย


สำหรับเทรนด์เทคโนโลยีโลกที่น่าจับตามองต่อจากนี้ครอบคลุม 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ Augmented Creativity, Symbiotic Economy, 5G Rapid Rollout และ Global Digital Governance โดยเทคโนโลยีด้าน ICT จะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันเทรนด์เหล่านี้ และจะมีผลโดยตรงต่อการสร้างโลกอัจฉริยะให้เป็นจริงขึ้นมาได้
เทรนด์ Augmented Creativity คือ การผสานกันระหว่าง AI และเทคโนโลยีใหม่อื่นๆ ที่จะทำให้เกิดบรรทัดฐานใหม่ในกระบวนการสร้างสรรค์งาน ทั้งนี้ รายงาน GIV (รายงานด้านวิสัยทัศน์ด้านอุตสาหกรรมโลกในปี ค.ศ.2025 ซึ่งจัดทำโดยหัวเว่ย) ระบุว่า องค์กรขนาดใหญ่มากกว่า 97% จะเริ่มนำปัญญาประดิษฐ์มาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการ ลดต้นทุน รวมถึงส่งมอบประสบการณ์ใช้งานที่ดีขึ้นให้แก่ลูกค้า

อันจะนำไปสู่เทรนด์ที่ 2 คือ Symbiotic Economy เมื่อองค์กรต่างๆ ต้องการสร้างความเติบโตทางธุรกิจไปในระดับโลกมากขึ้น กว่า 85% จะใช้งานแอปพลิเคชันทางธุรกิจของตนเองผ่านเทคโนโลยีคลาวด์ เพื่อการเข้าถึงเทคโนโลยีได้จากทุกแห่งหน การนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ทำงานร่วมกับพาร์ตเนอร์ธุรกิจจะเป็นเรื่องปกติ และการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อการดำเนินธุรกิจจะต้องเป็นไปอย่างยั่งยืน รวมทั้งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
สำหรับ 5G Rapid Rollout มีการคาดการณ์ว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า จะมีสถานีฐานสำหรับการให้บริการ 5G ถึง 6.5 ล้านสถานีทั่วโลก รองรับการให้บริการผู้ใช้งานได้มากถึง 2,800 ล้านคน ครอบคลุมจำนวนประชากรโลกถึง 58% และเทรนด์สุดท้ายที่น่าจับตามองก็คือ Global Digital Governance เมื่อเครือข่าย 5G แพร่หลายมากขึ้น ผู้คนและองค์กรธุรกิจใช้งานเทคโนโลยีมากขึ้น จะส่งผลให้ปริมาณข้อมูลทั่วโลกที่เกิดขึ้นในแต่ละปีมีจำนวนสูงถึง 180 เซตตะไบต์ (หรือ 180,000 ล้านเทระไบต์) จึงต้องมีขั้นตอนการบริหารจัดการข้อมูลที่รัดกุมยิ่งขึ้น รวมทั้งมาตรการป้องกันการล่วงละเมิดทางข้อมูลที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย
เทรนด์สำคัญจากรายงาน GIV ของหัวเว่ยนี้ทำให้เห็นภาพของโลกอัจฉริยะที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้

“หัวเว่ยเชื่อว่าทุกคนมุ่งหวังจะเห็นอนาคตอันน่าตื่นเต้นนี้และต้องการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กำลังจะมาถึงไปพร้อมกัน ในฐานะที่หัวเว่ยเป็นบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยี ICT จึงมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับพาร์ตเนอร์เพื่อรับมือกับความท้าทายทุกรูปแบบ และจะตอบรับกับยุคใหม่นี้ด้วยวิสัยทัศน์และภารกิจของบริษัท ซึ่งก็คือการเติบโตพร้อมกับการสนับสนุนประเทศไทยไปด้วยกัน”


กำลังโหลดความคิดเห็น