ซินเน็ค ประเมินตลาดไอทีปีหน้ากลับมาเติบโตอย่างเต็มที่ หลังในช่วงปี 2020 โดยผลกระทบในแง่สินค้าขายตลาด จากปัจจัยความต้องการที่เพิ่มขึ้น เชื่อภายในไตรมาส 2 ซัปพลายกลับมาเป็นปกติ พร้อมเดินหน้าสร้างการเติบโตทั้งกลุ่มคอนซูเมอร์ และองค์กรธุรกิจ
สุธิดา มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ Synnex ให้ข้อมูลถึงภาพรวมตลาดไอทีในช่วงปีนี้ว่า เป็นหนึ่งในปีที่ดีของสินค้าไอที เนื่องมาจากด้วยวิถีชีวิตใหม่ทำให้ผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจกับสินค้าเทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น
เพียงแต่ในปีนี้ หลายๆ ผลิตภัณฑ์ได้รับผลกระทบจากกำลังการผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทำให้สินค้าขาดตลาด โดยเฉพาะในกลุ่มโน้ตบุ๊กบางเบา เครื่องพิมพ์ จนถึงสมาร์ทโฟนที่เปิดตัวในช่วงปลายปีนี้
“เป้าหมายของซินเน็ค ในปี 64 คือการขยายการจัดจำหน่ายสินค้าไอทีให้มีความหลากหลาย และครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์สมาร์ทดีไวซ์ ในกลุ่มของ 5G IoT และเกมมิ่ง เนื่องจากมีความต้องการในตลาดค่อนข้างสูง”
โดยหนึ่งในสินค้าไฮไลต์ที่ซินเน็ค จะนำเข้ามาทำตลาดในปีหน้า คือการร่วมมือเป็นพันธมิตร และตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของเครื่องเกมนินเทนโด (Nintendo) โดยทางซินเน็ค จะเป็นทั้งผู้จัดจำหน่าย และศูนย์บริการ ซึ่งจะเริ่มเห็นความชัดเจนในช่วงไตรมาส 1 ปี 64
ขณะเดียวกัน ในกลุ่มสินค้าเกมมิ่ง ก็มีแผนที่จะเปิดตัวแบรนด์ผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายขึ้น จากปัจจุบันที่เป็นตัวแทนจำหน่ายของ RAZR ผลิตภัณฑ์เกมมิ่งที่ได้รับความนิยมในไทย ให้ครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น
“กำลังซื้อของลูกค้าในปีนี้กลุ่มระดับพรีเมียม และลักชัวรี ถือว่ามีการเติบโตค่อนข้างสูง แต่กลับกันในกลุ่มระดับกลาง ล่าง เริ่มเห็นผลกระทบทั้งจากเศรษฐกิจ และการแพร่ระบาดของโควิด-19”
สำหรับในปี 2564 ซินเน็ค ตั้งเป้าเติบโตทั้งรายได้ และกำไรเพิ่มขึ้นประมาณ 10-15% จากที่ในปีนี้คาดว่ารายได้รวมจะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา แต่กำไรเพิ่มสูงขึ้น ดังที่เห็นว่า 3 ไตรมาสที่ผ่านมากำไรเติบโตถึง 18% เป็นผลมาจากการที่สินค้าขาดตลาด ทำให้ไม่มีการแข่งขันทางด้านราคาที่สูงเกินไป
สุธิดา มองว่า จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ถือเป็นช่วงที่ให้บริษัทจำหน่ายสินค้าไอทีหลายแห่งได้ปรับตัว จากการที่สินค้าขาดตลาดส่งผลให้มีการเคลียร์สต๊อกสินค้า และสามารถทำกำไรได้ ส่วนการแข่งขันในปีนี้ถ้าบริหารจัดการสินค้าได้ดี เชื่อว่าทั้งอุตสาหกรรมนี้จะเติบโตได้อย่างแน่นอน
ปัจจุบัน ซินเน็คฯ มีสัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายสมาร์ทโฟนอยู่ราว 40% ตามด้วยสินค้าไอทีในกลุ่มคอนซูเมอร์ราว 40% และกลุ่มธุรกิจองค์กรอีกราว 20% และเชื่อว่าในปีหน้าจะมีสัดส่วนใกล้เคียงกัน เพราะทุกๆ กลุ่มจะเติบโตไปพร้อมๆ กัน
โดยโอกาสสำคัญที่ซินเน็คฯ มองว่าเป็นจุดเด่นของบริษัท คือ การขยายในส่วนของการให้บริการหลังการขาย ในลักษณะของแพลตฟอร์มด้านการบริการให้แก่แบรนด์ที่สนใจ รวมถึงการทำตลาดไอทีโซลูชันเพื่อก่อให้เกิดรายได้ในระยะยาวมากขึ้น