เอบีม คอนซัลติ้ง (ประเทศไทย) โชว์วิสัยทัศน์แนวทางการทรานส์ฟอร์มรูปแบบการทำงาน ให้เป็นการทำงานแนวใหม่หลังเผชิญวิฤตโควิค-19 ชู 4 ระดับการทำ Workstyle Transformation บนแนวทางบริหาร 4 เสาหลัก คู่กับ 6 ขั้นตอนนำไปสู่การทำ Workstyle Transformation ให้สำเร็จเพื่อสร้างคุณค่าใหม่ให้แก่ธุรกิจ
นายอิชิโร ฮาระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอบีม คอนซัลติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด มองว่าปัจจุบันธุรกิจไทยยังอยู่ในระดับเริ่มต้นมีการติดตั้งระบบไอทีและแอปพลิเคชันสนับสนุนการทำงานจากทุกที่ แต่พนักงานยังไม่คุ้นเคย ดังนั้น ธุรกิจควรเร่งมือทรานฟอร์มฯ สู่ระดับ 3 ด้วยการนำกระบวนการดิจิทัลมาปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานและลดกระบวนการทำงานที่ไม่จำเป็น เพื่อการดำเนินธุรกิจอย่างประสิทธิภาพได้ประสิทธิผล โดยมองว่าผลกระทบจากโควิค-19 ได้เปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆ มากมายในด้านประสิทธิภาพการทำงานและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน จากรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนไป มีการทำงานในรูปแบบ Remote working มากขึ้น มีวิธีใหม่ในการสื่อสารและมีเครื่องมือการทำงานที่ช่วยปรับปรุงกระบวนการทำงาน
“ทรานส์ฟอร์มรูปแบบการทำงาน หรือ Workstyle Transformation เน้นปรับกระบวนการและวิธีการทำงานให้ตอบโจทย์เป้าหมายองค์กร การให้บริการลูกค้า และความพึงพอใจของพนักงาน ซึ่งทั้งหมดนี้มีเป้าหมายเพื่อที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้สูงขึ้น หลายองค์กรประสบปัญหาเนื่องจากนโยบายและแนวทางปฏิบัติที่ไม่ชัดเจน พนักงานขาดทักษะความรู้ความเข้าใจ และกระบวนการทำงานที่ไม่มีความพร้อมสอดรับกับยุควิถีใหม่"
ทั้งนี้ ABeam พบว่ามีองค์กรส่วนมากทรานส์ฟอร์มรูปแบบการทำงานเพียงระดับแรกด้วยการทำระบบ IT และ Applications ที่สนับสนุนการทำงานในรูปแบบใหม่ดังกล่าวและยังคงประสบปัญหาในการทรานส์ฟอร์มรูปแบบการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เนื่องจากนโยบายและแนวทางปฏิบัติไม่ชัดเจน พนักงานขาดทักษะความรู้และความเข้าใจ รวมทั้งกระบวนการทำงานที่ไม่มีความพร้อมในยุควิถีใหม่
จากประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับองค์กรในการทรานส์ฟอร์มรูปแบบการทำงาน Abeam แบ่งระดับการทรานส์ฟอร์มรูปแบบการทำงานเป็น 4 ระดับ คือ ระดับที่ 1 เป็นการติดตั้ง IT และแอปพลิเคชัน เพื่อให้พนักงานสามารถทำงานในรูปแบบใหม่ได้ แต่พนักงานยังไม่คุ้นเคยกับรูปแบบดังกล่าว ระดับที่ 2 คือพนักงานสามารถใช้เครื่องมือ IT ที่องค์กรติดตั้งให้ได้ แต่ยังคงทำงานไม่ได้ประสิทธิผลในระดับที่ตั้งไว้ ระดับที่ 3 เป็นระดับที่องค์กรสามารถดำเนินธุรกิจได้ด้วยประสิทธิผลที่เพิ่มมากขึ้น ด้วยรูปแบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงมีการใช้กระบวนการดิจิทัลและการปรับเปลี่ยนการทำงานด้วยการลดกระบวนการที่ไม่จำเป็น (Lean and Digitalized process) และระดับที่ 4 ซึ่งเป็นระดับการทรานส์ฟอร์มรูปแบบการทำงานที่ดีที่สุด คือ การที่องค์กรมีการปรับรูปแบบธุรกิจ (Business model reform) เพื่อสร้างคุณค่าใหม่ด้วยการเชื่อมต่อทั้งลูกค้าและพันธมิตรเข้าด้วยกัน
“ABeam แนะนำให้ธุรกิจเร่งทรานส์ฟอร์มรูปแบบการทำงานในยุควิถีใหม่ที่มีการทำงานแบบ Remote working มากขึ้น โดยอย่างน้อยคือให้ได้ระดับที่ 3 เพื่อการทรานส์ฟอร์มที่ประสบความสำเร็จในระยะยาว อันจะนำมาซึ่งประสิทธิผลในการทำงานที่เท่าหรือมากกว่าระดับเดิมก่อนการทรานส์ฟอร์ม โดยระเบียบวิธี (Methodology) ของ ABeam ในการนำไปสู่การทรานส์ฟอร์มรูปแบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพจะประกอบด้วย 4 เสาหลัก และ 6 ขั้นตอน จากประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา ABeam สามารถช่วยบริษัทต่างๆ ให้บรรลุระดับ 3 ของการทรานส์ฟอร์มรูปแบบการทำงานได้ภายเวลาไม่กี่เดือน” นายฮาระ อธิบาย
4 เสาหลักในกระบวนการทรานส์ฟอร์มรูปแบบการทำงาน ประกอบด้วย การกำหนดนโยบายและแนวทางปฏิบัติ (Policy & Guideline) เทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) การเตรียมความพร้อมพนักงาน (People) และกระบวนการ (Process)
6 ขั้นตอนในการทรานส์ฟอร์มรูปแบบการทำงาน ได้แก่ 1.การกำหนดนโยบายและกฎระเบียบของการทำงานแบบ Remote Working 2.การเลือกเครื่องมือและแอปพลิเคชันด้านที่สนับสนุนการทำงานรูปแบบดังกล่าว 3.การมีโครงสร้างพื้นฐานและความปลอดภัยด้าน IT สำหรับการทำงานแบบ Remote working
4.การบริหารจัดการแรงจูงใจและการมีส่วนร่วมของพนักงาน 5.กระบวนการบริหารจัดการการทำงานในรูปแบบใหม่ และ 6.กระบวนการทำงานในรูปแบบดิจิทัลต่างๆ
“การทรานส์ฟอร์มรูปแบบการทำงานในระดับที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ในสภาพการทำงานที่มีการทำงานแบบ Remote working มากขึ้นนั้น จะต้องตอบโจทย์ธุรกิจทั้งด้านการบริการลูกค้า (Client service) ความสำเร็จขององค์กร (Firm’ s success) และความพึงพอใจส่วนบุคคลของพนักงาน (Personal satisfaction) ถึงแม้ปัจจุบันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยนับว่าอยู่ในสถานการณ์ที่ควบคุมได้ แต่เราแนะนำให้องค์กรเร่งทรานส์ฟอร์มรูปแบบการทำงาน เพื่อให้พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งนับเป็นหนึ่งในการเตรียมการภายใต้แผนการบริหารความต่อเนื่องของธุรกิจ (Business Continuity Plan” นายฮาระ กล่าวทิ้งท้าย