“สยามพิวรรธน์” ผนึกกำลังพันธมิตรธุรกิจชั้นนำระดับประเทศ เดินหน้าเปิดประสบการณ์ดิจิทัลแห่งอนาคต จัดงาน “Siam Piwat Knowledge Forum” จับมือคู่ค้าขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความสำเร็จร่วมกันในระดับโลก
นางมยุรี ชัยพรหมประสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (President) สายส่งเสริมการตลาดและองค์กรสัมพันธ์ กล่าวว่า “สยามพิวรรธน์ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาศักยภาพธุรกิจร่วมกับผู้เช่า เพื่อให้ธุรกิจของทุกคนสามารถเติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน ซึ่งการจัดงาน Siam Piwat Knowledge Forum เป็นอีกหนึ่งรูปแบบกิจกรรมให้ความรู้ที่เราจัดขึ้นเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์ โควิด-19 ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาที่ท้าทายอย่างยิ่งสำหรับพวกเราทุกคน จึงทำให้เราต้องเร่งผลักดันกลยุทธ์ร่วมกับพันธมิตรในการขับคลื่อนธุรกิจเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
สยามพิวรรธน์มีศักยภาพความโดดเด่นในการสร้างประสบการณ์ให้แก่ลูกค้าที่มาเยือนศูนย์การค้าของเราและวันนี้เรากำลังยกระดับประสบการณ์ดิจิทัล (Digital Experience) ที่แตกต่างและไม่เหมือนใครผ่านช่องทาง Omni Channel แบบไร้รอยต่อให้ครอบคลุมทุกมิติทั่วโลก เราจึงจัดงานนี้โดยได้ยกเอาประเด็นเรื่องอนาคตของการค้าปลีกหลังวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัส (“What the Future Holds for Retail Post Pandemic”) มาเพื่อสร้างความเข้าใจ และให้ความรู้เกี่ยวกับการทำ Digital Commerce และ OMNI-Channel เตรียมพร้อมให้ร้านค้าสามารถนำความรู้และข้อมูลมาต่อยอดและปรับใช้กับองค์กร อันนำมาซึ่งการขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความสำเร็จร่วมกันในอนาคต”
โดยในงาน “Siam Piwat Knowledge Forum” ได้รับเกียรติจากผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทใหญ่ชั้นนำระดับประเทศมาร่วมให้ความรู้ในหลากหลายด้านที่จะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาธุรกิจให้พร้อมเข้าสู่โลกดิจิทัล (Digital Transformation) อย่างเต็มรูปแบบ ดังนี้
1. “The Future of Retail After Covid-19” โดย คุณพิภาวิน สดประเสริฐ Partner แมคคินซีย์แอนด์โค
เปิดมาด้วย “ภาพรวมการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคหลังจากที่เกิดวิกฤตการณ์โควิด-19” ที่ส่งผลกระทบให้ผู้บริโภคเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตสู่วิถีแห่งโลกดิจิทัลแบบก้าวกระโดด ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ได้ทำให้เกิดเทรนด์ใหม่ของการใช้ชีวิต การบริโภคสินค้า และบริการที่ปกติหลายคนอาจจะนึกไม่ถึง อาทิ ความต้องการซื้อของใช้ภายในบ้าน ต้นไม้ และของตกแต่งที่เพิ่มมากขึ้น การปรึกษาแพทย์ออนไลน์ การสมัครเทรนเนอร์ออกกำลังกายออนไลน์ พฤติกรรมการสั่งซื้อของทีละจำนวนมาก หรือคนรุ่นใหม่ที่เริ่มเรียนทำอาหารทานเอง เป็นต้น แม้ผู้บริโภคจะเปลี่ยนพฤติกรรมเข้าสู่ชีวิตแบบออนไลน์มากขึ้น แต่ผู้คนยังมองหาประสบการณ์ใหม่ๆ ในการออกมาใช้ชีวิตเช่นเดียวกัน ดังนั้น สิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการควรจะให้ความสำคัญ คือการเรียนรู้ที่จะอยู่ในยุคดิจิทัลด้วยการปรับรูปแบบธุรกิจให้เชื่อมต่อประสบการณ์ออนไลน์ และออฟไลน์ แบบไร้รอยต่อ สร้างความน่าเชื่อถือผ่านคุณค่าของแบรนด์ และประสบการณ์ที่มอบให้กับลูกค้า ศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคและมองหาโอกาสทางการค้าใหม่ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการทำสงครามราคา แต่หันมาสร้างประสบการณ์ที่มีคุณค่าให้กับผู้บริโภค
2. Communications Beyond the Hype โดย คุณปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด และคุณณัฐวุฒิ อมรวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด
ตามมาด้วยเรื่องของ “เทคโนโลยี 5G” หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะเปลี่ยนโลกเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยประสิทธิภาพของคลื่นความถี่ความเร็ว แรง และ Latency ที่เหนือกว่า ทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิคต่างๆ สามารถเชื่อมต่อรับส่งข้อมูลได้อย่างไร้ขีดจำกัด (IoT - Internet of things) เกิดเป็นนวัตกรรมที่จะทำให้ทุกคนเปลี่ยนพฤติกรรมใช้ชีวิตไปมากกว่าเดิม และส่งผลต่อทุกอุตสาหกรรม อาทิ กล้อง VR ที่จะสร้างประสบการณ์ความบันเทิงที่แปลกใหม่ให้ผู้คนได้สัมผัสบนโลกเสมือนจริง หรือการพัฒนาของอุปกรณ์ตรวจจับ และวิเคราะข้อมูลต่างๆ เช่น Smart Store Analytics จากกล้องวีดีโอที่สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าภายในร้าน หรือ Smart Coolers/ Shelves ชั้นวางขายสินค้าอัจฉริยะที่ไม่ต้องมีพนักงาน ซึ่งนวัตกรรมเหล่านี้จะเป็นตัวแปรสำคัญที่จะทำให้ผู้ประกอบการเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภค และสามารถพัฒนาสินค้า และบริการให้ตอบโจทย์ตรงใจผู้บริโภคมากที่สุด ดังนั้น เพื่อให้ก้าวทันเกมการค้าในยุคดิจิทัล ผู้ประกอบการทุกคนจึงต้องเริ่มวางรากฐานของธุรกิจให้ตอบรับเทคโนโลยี 5G สร้างประสบการณ์ที่เกิดปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าในรูปแบบใหม่ๆ เตรียมพร้อมและรู้เท่าทันในเรื่องการใช้ข้อมูล (Data) อย่างมีประสิทธิภาพโดยใช้เทคโนโลยี 5G เข้ามาช่วยขับเคลื่อนธุรกิจ
3. Data, Payment, Commerce โดย คุณสุธีรพันธุ์ สักรวัตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานการตลาด ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด คุณศุภนีวรรณ จูตระกูล รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด และคุณศิริรัตน์ เที่ยงธรรม ผู้อำนวยการอาวุโส Merchant Sales & Acquiring บริษัท วีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด
ไฮไลต์ของหัวข้อนี้ คือ เรื่องของความสำคัญของ “ข้อมูล” ที่จะนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพในทำการตลาด และการสร้างบริการที่ตรงความต้องการของลูกค้ามากที่สุด ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่โลกดิจิทัลในยุคปัจจุบัน ทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกเสพเฉพาะข้อมูลที่ตนเองสนใจ ดังนั้น การทำการตลาดยุคใหม่จึงจะต้องให้ความสำคัญกับ 4 ปัจจัยดังต่อไปนี้ คือ 1) Personalization ออกแบบกิจกรรมทางการตลาดเฉพาะให้ตรงความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละบุคคล 2) Automatic นำระบบอัตโนมัติมาใช้สื่อสารกับลูกค้าเพื่อให้สามารถตอบสนองลูกค้าอย่างรวดเร็วที่สุด 3) Prediction นำข้อมูลมาวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าล่วงหน้า 4) Precision สร้างฐานข้อมูลให้ถูกต้องเพื่อที่จะสามารถนำมาใช้วิเคราะห์ และสื่อสารกับลูกค้าได้ตรงจุด หลังจากที่ดึงความสนใจผู้บริโภคด้วยการตลาดแล้ว ขั้นตอนสำคัญถัดไปคือการสร้าง “ช่องทางการชำระเงิน” ที่สะดวกกับผู้บริโภคไม่ว่าจะเป็นการชำระเงินผ่าน Mobile Banking หรือ การแสกน QR Code ตัวเลือกในการชำระเงินที่หลากหลายที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยกว่าเงินสด มีส่วนสำคัญที่จะทำให้ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจซื้อสินค้า หรือบริการได้ง่ายยิ่งขึ้น
4. What does Omni-Channel Commerce look like? โดย คุณเมธิศร์ มุกดาสิริ Vertical Lead - Retail & Ecommerce Facebook ประเทศไทย คุณเลอทัด ศุภดิลก หัวหน้าฝ่ายธุรกิจอีคอมเมิร์ซ LINE ประเทศไทย และ คุณสีตลา ชาญวิเศษ ผู้จัดการกลุ่มงานสื่อสารการตลาด บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด
ปิดท้ายด้วยเรื่องของการทำธุรกิจแบบ Omni-Channel ที่เชื่อมโยงทุกแพลตฟอร์มให้เข้าถึงผู้บริโภคอย่างไร้รอยต่อ แม้จะมีการเติบโตของธุรกิจบนโลกออนไลน์มากขึ้น ผู้บริโภคยังคงให้ความสำคัญกับประสบการณ์ ความน่าเชื่อถือ และคุณค่าของตราสินค้าเช่นเดิม ดังนั้น การปรับธุรกิจให้เข้ากับโลกออนไลน์ จึงเป็นแค่เพียงการเพิ่มช่องทางการสื่อสาร และการขายให้เข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น ซึ่งนี่เป็นโอกาสของผู้ประกอบการที่จะคิดค้นวิธีการสื่อสาร และการทำการตลาดใหม่ๆ ที่จะสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างไม่เหมือนใครให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการ ไลฟ์สดขายของเพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าทุกที่ทุกเวลา (Engagement) หรือ การปรับแพคเกจจิ้งขนส่งให้มีลูกเล่นน่าสนใจมากขึ้น
“วันนี้เราได้เดินหน้าสร้างประสบการณ์ใหม่แบบที่เคยสร้างความสำเร็จให้แก่ลูกค้า และศูนย์การค้าในเครือทั้งหมดของเราอีกครั้ง ผ่านการยกระดับดิจิทัลแพลตฟอร์มที่จะเชื่อมต่อประสบการณ์จากบ้านมาที่ร้านค้าอย่างไร้รอยต่อ ด้วยพลังความร่วมมือจากผู้เช่าและพันธมิตรที่พร้อมเรียนรู้และพัฒนาไปด้วยกัน ผ่านกิจกรรม Siam Piwat Knowledge Forum ที่จัดขึ้นในครั้งนี้จะช่วยจุดประกายความคิดให้ร้านค้าสามารถนำไปประยุกต์ ปรับใช้กับธุรกิจให้ตอบรับโลกดิจิทัลที่เข้ามาอย่างเต็มรูปแบบจนประสบความสำเร็จยิ่งขึ้นไป และสยามพิวรรธน์จะไม่หยุดนิ่งที่จะสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศประสานประโยชน์ร่วมกันในหลากหลายวิถีทางเพื่อเพิ่มโอกาสการขาย และสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของร้านค้าอันจะนำมาซึ่งความสำเร็จร่วมกันต่อไปในอนาคต” นางมยุรีกล่าวปิดท้าย