ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) ร่วมมือกับพันธมิตรภาครัฐและภาคเอกชน เปิดตัว “โครงการพัฒนาทักษะดิจิทัลเพื่อการจ้างงาน” มุ่งยกระดับคุณภาพแรงงานผ่านทักษะเชิงดิจิทัลแก่แรงงานไทยทั่วประเทศที่ จำนวน 250,000 คน ผ่านทางช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ ภายในตุลาคม พ.ศ.2564
นายธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากสถานการณ์ในปีนี้คาดว่าจะมีกลุ่มงานที่หายไป และการจ้างงานใหม่จะเป็นการมองหาแรงงานที่มีความเชี่ยวชาญทางการใช้ทักษะดิจิทัลมากยิ่งขึ้น ไมโครซอฟท์มีความมุ่งมั่นในการนำดิจิทัลเข้ามาเสริมทักษะให้แก่ทุกคน ให้ทุกคนสามารถเข้าถึงทักษะดิจิทัลที่ใช้งานได้จริงและเพิ่มมูลค่าทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์ พร้อมปรับตัวรับงานใหม่ๆ และสามารถนำมาใช้เป็นพื้นฐานในการเพิ่มโอกาสด้านการจ้างงานในอนาคต
“ผมต้องขอขอบพระคุณพันธมิตรทุกรายกับความร่วมมืออันแข็งแกร่งในครั้งนี้ ผมเชื่อมั่นว่าด้วยศักยภาพของเทคโนโลยีจะช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาทักษะดิจิทัลในการจ้างงานได้อย่างเป็นรูปธรรม และจะเติมเต็มความตั้งใจของเรากับเส้นทางการสร้างทักษะทางแรงงานด้วยการพัฒนาทักษะเชิงดิจิทัลให้แก่คนไทยกว่า 10 ล้านคนได้โดยเร็วที่สุด”
ไมโครซอฟท์ระบุว่า สถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมาทำให้พนักงาน ลูกจ้าง และประชาชนจำนวนมากได้รับผลกระทบด้านการทำงาน รายงานภาวะสังคมไทยไตรมาส 1 ปี พ.ศ.2563 โดยสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระบุว่า อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 1.03 หรือมีผู้ว่างงานเกือบ 400,000 คน และคาดว่าในปีนี้จะมีแรงงานที่เสี่ยงถูกเลิกจ้างจำนวน 8.4 ล้านคน จากแรงงาน 3 กลุ่ม ได้แก่ แรงงานในภาคการท่องเที่ยวซึ่งคาดว่าจะได้รับผลกระทบประมาณ 2.5 ล้านคน แรงงานในภาคอุตสาหกรรมประมาณ 1.5 ล้านคน และการจ้างงานในภาคบริการอื่นๆ ที่ไม่ใช่ภาคการท่องเที่ยวและได้รับผลกระทบจากการที่สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง เช่น ตลาดสด ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารถูกปิดอีกจำนวน 4.4 ล้านคน ในขณะที่เด็กจบใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาดแรงงาน 5.2 แสนคนก็มีแนวโน้มต้องเผชิญกับอุปสรรคในการหางานตั้งแต่การเริ่มต้นเข้าสู่ตลาดงาน
นอกจากนี้ รายงานผลการศึกษาโดย AlphaBeta strategy x economics ณ วันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ.2563 เกี่ยวกับผลกระทบต่อการจ้างงานของการระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่มีต่อประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก ระบุว่าในประเทศไทยมีการคาดการณ์ว่าธุรกิจโรงแรม การบริการส่วนบุคคล และการขนส่ง จะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากวิกฤตดังกล่าว และการนำ AI มาใช้อาจเพิ่มศักยภาพในการฟื้นตัวและกระตุ้นอัตรากำไรของภาคเศรษฐกิจให้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 5-6
ไมโครซอฟท์จึงร่วมมือกับพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการร่วมขับเคลื่อนการดำเนินโครงการผ่านองค์ความรู้ ทรัพยากร และการสนับสนุนอื่นๆ ที่มีความจำเป็น โดยบริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดทำเนื้อหาการฝึกอบรม จัดทำวิดีโอการอบรม และคู่มือภาษาไทยเกี่ยวกับการใช้โปรแกรม Microsoft Word, Microsoft Excel, Microsoft PowerPoint, Power BI, Power App, Digital Literacy เพื่อจัดฝึกอบรมแก่วิทยากรจากหน่วยงานพันธมิตร พร้อมจัดการติวสอบ Microsoft Office Specialist สาขา Microsoft Excel เพื่อเป็นการปูทางไปสู่สายงานด้านนักวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analyst) และนักวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Scientist) ต่อไป
โครงการนี้ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) จะส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาทักษะดิจิทัลที่ประชาชนสามารถเข้าถึงเนื้อหาการเรียนรู้ได้ผ่านเครือข่ายและแพลตฟอร์มของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) เช่น https://www.digitalskill.org/ เพื่อต่อยอดไปสู่การพัฒนาทักษะดิจิทัลตามมาตรฐานสมรรถนะด้านดิจิทัล รวมถึงเปิดพื้นที่ส่งเสริมการจ้างงานผ่านคอมมูนิตี JobD2U ที่จะเป็นศูนย์กลางในการเผยแพร่ตำแหน่งงาน และ โปรไฟล์คนหางาน เพื่อให้ “คนที่ใช่” ได้พบกับ “งานที่ชอบ”
ขณะที่กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ได้ร่วมมือกับไมโครซอฟท์เพื่อจัดฝึกอบรมทักษะเชิงดิจิทัลแก่บุคลากรของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อนำความรู้ไปขยายผลแก่กลุ่มเป้าหมายของกรมพัฒนาฝีมือแรงงานทั่วประเทศ สนับสนุนความรู้และเนื้อหาการฝึกอบรมที่จัดทำขึ้นในโครงการให้สอดคล้องกับความต้องการตลาดแรงงาน ผ่านเครือข่ายและแพลตฟอร์มของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน รวมทั้งร่วมกันปรับปรุงมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และส่งเสริมให้แรงงานเข้าทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาพนักงานการใช้คอมพิวเตอร์ (ประมวลผลคำ ตารางทำการ และการนำเสนอผลงาน) ตามแผนงานและงบประมาณที่ได้รับจัดสรรไว้
ด้านสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ได้ดำเนินการร่วมกับไมโครซอฟท์ในการจัดการฝึกอบรมทักษะเชิงดิจิทัลแก่ครูของสำนักงาน กศน. เพื่อส่งต่อทักษะความรู้ดังกล่าวให้แก่กลุ่มเป้าหมายราว 186,000 คน ผ่าน กศน.ตำบล 7,424 ศูนย์ทั่วประเทศ พร้อมสนับสนุนให้เนื้อหาการฝึกอบรมที่จัดทำขึ้นในโครงการสามารถไปถึงประชาชน ผ่านเครือข่ายและแพลตฟอร์มของ สำนักงาน กศน.
ยังมีสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ที่สนับสนุนให้มีการรับรองสมรรถนะด้านการใช้ดิจิทัล (Digital Literacy) ประเมินด้วยเครื่องมือประเมินระดับประเทศของสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ โดยสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการประเมินสำหรับผู้เข้าร่วมโครงการบางส่วน ในจำนวนที่สอดคล้องกับงบประมาณของสถาบันในปี 2564 และนำรายชื่อผู้ที่ได้รับการรับรองทั้งหมดเผยแพร่ในแอปพลิเคชัน Propin ของสถาบัน
สำหรับภาคเอกชน จ๊อบส์ ดีบี (JobsDB) ได้ดำเนินการจัดการอบรมการเตรียมความพร้อมก่อนสมัครงาน แนวโน้มการจ้างงานในอนาคต และการทำเรซูเม่ให้โดดเด่น รวมถึงรับคำแนะนำให้ผู้เข้ารับการอบรมในโครงการลงทะเบียนบนแพลตฟอร์ม JobsDB.com เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงโปรไฟล์ของผู้หางานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รวมถึงองค์การเพื่อการศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก (UNESCO) ที่ประสานความร่วมมือกับศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ในการจัดการฝึกอบรมครูของทางศูนย์ฯ พร้อมสนับสนุนให้เนื้อหาการฝึกอบรมที่จัดทำขึ้นในโครงการสามารถเข้าถึงเยาวชนที่อยู่ห่างไกลทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผ่านแพลตฟอร์ม www.lll-olc.net ของยูเนสโก
ส่วนมูลนิธิกองทุนไทยนั้นบริหารจัดการโครงการ ประสานงานกับทุกองค์กร และติดตามวัดผลโครงการ พร้อมทั้งติดตามความคืบหน้าจากผู้ได้รับการจ้างงาน และร่วมกันประชาสัมพันธ์โครงการ