“เอ็มพูร่า” ลุยตลาด IoT ในประเทศไทย ขานรับเทคโนโลยี 5G เล็งพัฒนาบริการ จับกลุ่มลูกค้าB2B และ B2C นำร่องด้วยบริการ สมาร์ทโฮม คาดมูลค่าตลาด IoT ไทยปี 64 สูงกว่า 7,000 ล้าน ฟากตลาดโลกกระฉูดแตะ 1.2 แสนล้าน ตั้งเป้าทำรายได้ 250 ล้านในปีหน้า และแตะ 1,000 ล้านในอีก 3 ปี
นายณัฏฐ์ณภัทร อาศิรวาทวณิชย์ กรรมการบริหาร บริษัท เอ็มพูร่า จำกัด (EMPURA) ผู้นำนวัตกรรม Internet of Things (IoT) เปิดเผยว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีได้เข้ามามีความสัมพันธ์กับชีวิตประจำวันของมนุษย์มากขึ้นโดยมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ได้แก่ ผู้ประกอบการหันมาให้ความสำคัญกับการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีในการสร้างสรรค์สินค้าและบริการ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในบ้าน ที่ทำงาน รวมถึงแกดเจ็ตเทคโนโลยีต่างๆ อีกทั้งประเทศไทยเปิดใช้งานเครือข่ายอินเทอร์เน็ต 5G ที่มีประสิทธิภาพสูงเป็นประเทศแรกในอาเซียน
"ยังมีแผนส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี 5G ของประเทศให้ครอบคลุมร้อยละ 98 ของประชากรภายในปี 2570 เพื่อนำประโยชน์จากเทคโนโลยีมาใช้ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม ประกอบกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป หลังจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คนหันมาให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว ทั้งเพื่อการทำงานและการอยู่อาศัย ส่งผลให้ธุรกิจ IoT มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องไม่ใช่เฉพาะภายในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงหลายประเทศทั่วโลก"
จากข้อมูล International Data Corporation (IDC) คาดการณ์เกี่ยวกับตัวเลขของธุรกิจ Internet of Things (IoT) ทั่วโลกว่า จะมีการเติบโตอย่างรวดเร็วและเติบโตอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี 2021ด้วยมูลค่าการลงทุนทั่วโลกกว่า 47.5 ล้านล้านบาท ในภาคอุตสาหกรรม ภาคการขนส่ง สาธารณูปโภค และตลาดคอนซูเมอร์ (Consumer)
ทั้งนี้ คาดว่าตลาด IoT ประเทศไทยในปี 2564 จะมีมูลค่าทางการตลาดกว่า 7,000 ล้านบาท และเชื่อว่าจะยังคงเติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากปัจจัยการนำประโยชน์จากเทคโนโลยีมาใช้ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม ประกอบกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป หลังจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมถึงผู้คนหันมาให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัวทั้งเพื่อการทำงานและการอยู่อาศัย ส่งผลให้ธุรกิจ IoT มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องไม่ใช่เฉพาะภายในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงหลายประเทศทั่วโลก
เอ็มพูร่า ผู้นำนวัตกรรม IoT ที่ให้บริการครบวงจรเจ้าแรกของประเทศไทย ได้เล็งเห็นช่องว่างทางการตลาดของอุตสาหกรรม IoT ในประเทศไทย อีกทั้งการเติบโตของตลาดโลก จึงได้เตรียมสร้างสมาร์ทเซอร์วิสแบบครบวงจร เจาะกลุ่มตลาด B2C และ B2B ประเดิมเซอร์วิสแรก “บ้านอัจฉริยะ” (Smart Home) สำหรับกลุ่มลูกค้าบุคคลและกลุ่มโครงการอสังหาริมทรัพย์ โดยจะให้บริการตั้งแต่การวางระบบ IoT ให้เหมาะกับความต้องการของกลุ่มลูกค้า การออกแบบดีไซน์ฟังก์ชันการใช้งานให้ตอบโจทย์การอยู่อาศัย รวมไปถึงการเป็นผู้จัดจำหน่าย (Distributor) ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถดูการออกแบบผ่าน VR Solution ก่อนสร้างจริงได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ยังได้พัฒนา “มอร์ฟัน แอปพลิเคชัน” แพลตฟอร์มอัจฉริยะ ซึ่งถูกพัฒนาให้เป็น All in One application แบ่งการใช้งานออกเป็น Smart Home Service สำหรับการสั่งงานและควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ภายในบ้าน และ Shopping Service การชอปปิ้งออนไลน์สำหรับสั่งซื้อผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีจากแบรนด์อื่นๆ มากมาย โดยจะเปิดให้ใช้งานแอปพลิเคชันในช่วง ปี 2021
ล่าสุด เอ็มพูร่าได้เข้าร่วมในงาน COMMART Thailand 2020 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26-29 พฤศจิกายน 2563 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา โดยจำลองการทำงานของระบบ IoT ภายในบ้านอัจฉริยะเต็มรูปแบบ บนเนื้อที่กว่า 500 ตารางเมตร พร้อมชูไฮไลต์ระบบสั่งงานบนมอร์ฟัน แอปพลิเคชัน ครั้งแรกบนเครือข่าย 5G ที่มีประสิทธิภาพของบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส ผู้มีโครงข่ายครอบคลุมมากที่สุดใน 77 จังหวัดทั่วประเทศไทย พร้อมการสาธิตบริการด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แห่งโลกอนาคต ผ่าน VR Solution ตอบรับสถานการณ์โควิด-19 ลดการใช้ชีวิตอยู่ในที่สาธารณะ หรือสถานที่ที่มีปริมาณผู้คนจำนวนมาก และเพื่อความประหยัดเวลาในการเดินทาง โดยลูกค้าสามารถรับชมคอนโดมิเนียมพร้อมรูปแบบห้องที่ต้องการได้แบบเสมือนไปสถานที่จริง
“เอ็มพูร่าตั้งเป้ารายได้ในปี 2564 ประมาณ 250 ล้านบาท และจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในอีก 3 ปีข้างหน้า หรือภายในปี 2567 ตั้งเป้าจะมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท” นายณัฏฐ์ณภัทร กล่าวทิ้งท้าย