เมื่อความต้องการสินค้าไอทีพุ่งสูงขึ้นระหว่างสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้เกิดการล็อกดาวน์ช่วงไตรมาส 2-3 ที่ผ่านมา ตลาดโน้ตบุ๊กในประเทศไทยมีการเติบโตสูงขึ้นถึง 18% ซึ่งถือเป็นหนึ่งในไม่กี่อุตสาหกรรมที่มีการเติบโตในภาวะนี้
หนึ่งในข้อมูลที่น่าสนใจ คือ การเติบโตของตลาดโน้ตบุ๊กนั้นกลับอยู่ในกลุ่มพรีเมียม ที่เติบโตมากกว่า 30% รองลงมาเป็นกลุ่มเกมมิ่ง แตกต่างจากในช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา ที่โน้ตบุ๊กราคาถูกจะได้รับความนิยม โดยมีปัจจัยมาจากการที่ผู้บริโภคต้องการโน้ตบุ๊กไปใช้ในการทำงาน ทำให้ต้องเน้นประสิทธิภาพสูงขึ้น
ส่งผลให้ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ตลาดพีซีในประเทศไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งอันดับผู้นำที่สลับกันไปมา โดยในช่วงไตรมาส 1 เลอโนโว ได้ขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ในช่วงสั้นๆ ก่อนที่ในไตรมาส 2 และ 3 จะสลับอยู่ในท็อป 2 ของแต่ละกลุ่มสินค้า ระหว่างเอเซอร์ เอซุส และเดลล์ ที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละกลุ่มผลิตภัณฑ์
ธเนศ อังคศิริสรรพ ผู้จัดการทั่วไป ประจำภูมิภาคอินโดจีน เลอโนโว กล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา เลอโนโว เพิ่งสร้างสถิติใหม่ในการเติบโตต่อไตรมาสสูงที่สุด ด้วยรายได้กว่า 1.45 หมื่นล้านเหรียญ และมีส่วนแบ่งในตลาดคอมพิวเตอร์ทั่วโลก 23.6% ส่วนในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก จะมีส่วนแบ่งอยู่ที่ 26%
“ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เลอโนโวจัดส่งพีซีจำนวนมากจนมียอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์มาจากการที่ในช่วงที่ผ่านมา เลอโนโว หันมาให้ความสำคัญกับการฟังสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการมากขึ้น และนำเทคโนโลยีที่ชาญฉลาดเข้ามาช่วยส่งเสริมให้เกิดการใช้งานที่เกินความคาดหมายของผู้บริโภค”
ขณะเดียวกัน ด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีความแตกต่างกัน ทำให้เกิดความต้องการในการใช้งานที่หลากหลาย ในจุดนี้เลอโนโวก็มีสินค้าที่ตอบโจทย์ในทุกกลุ่มผู้ใช้งาน รวมถึงการนำเสนอประสบการณ์ใช้งานที่มีความพรีเมียม เพื่อสร้างความแตกต่างแก่ลูกค้า
สำหรับในประเทศไทย เลอโนโว เริ่มนำกลยุทธ์อย่างการรับฟังลูกค้า ปรับดีไซน์ และฟังก์ชันการใช้งานที่เหมาะสมกับราคา รวมถึงพัฒนาบริการหลังการขายมาเป็นจุดขาย ทำให้ในภาพรวมของตลาดนอกเหนือจากกลุ่มคอนซูเมอร์เริ่มได้รับความไว้วางใจจากองค์กรธุรกิจมากยิ่งขึ้น
ปัจจุบัน เลอโนโว ถือเป็นผู้นำในกลุ่มองค์กรธุรกิจขนาดกลางและเล็กเรียบร้อยแล้ว แต่ในกลุ่มขององค์กรธุรกิจขนาดใหญ่มีโอกาสที่จะขึ้นเป็นผู้นำในหลายๆ เซกเมนต์ ไม่ว่าจะเป็น ธนาคาร โรงพยาบาล โทรคมนาคม รวมถึงภาครัฐ
ธเนศ กล่าวถึงเป้าหมายของเลอโนโวในประเทศไทยคือการขึ้นเป็นผู้นำในตลาดโน้ตบุ๊ก ซึ่งคาดว่าจะทำได้ภายในไตรมาส 4 ปีนี้ หรือไม่เกินไตรมาส 1 ปี 2564 เนื่องจากปัจจุบัน เลอโนโว ขึ้นเป็นท็อป 2 ในทุกๆ กลุ่มผลิตภัณฑ์แล้ว
วรพจน์ ถาวรวรรณ ผู้จัดการประจำพม่า ลาว กัมพูชา และผู้อำนวยการส่วนธุรกิจคอนซูเมอร์ เลอโนโว (ประเทศไทย) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึงการแข่งขันในตลาดโน้ตบุ๊กปัจจุบันนี้ว่า จะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลักๆ คือ กลุ่มของโน้ตบุ๊กเริ่มต้นทั่วไป ในช่วงระดับราคาต่ำกว่า 26,000 บาท ซึ่งในกลุ่มนี้ เลอโนโว มีสินค้าในตระกูล IdeaPad ครอบคลุมอยู่
ถัดมาคือในกลุ่มของเกมมิ่ง ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เลอโนโว ก็จะมีกลุ่มผลิตภัณฑ์อย่าง Legion ที่เป็นซับแบรนด์สำหรับเกมมิ่งโดยเฉพาะ และ IdeaPad Gaming ที่มาจับในกลุ่มของโน้ตบุ๊กเกมมิ่งราคาประหยัด
สุดท้ายคือในกลุ่มของ Yoga ที่วางโพสิชันเป็นพรีเมียมโน้ตบุ๊ก จากเดิมที่ Yoga เป็นเพียงไลน์สินค้าหนึ่งของเลอโนโว ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างการพับได้ 360 องศา เปลี่ยนมาเป็นซับแบรนด์ Yoga ที่ให้ความเรียบหรู พรีเมียมในการใช้งาน
“ใน 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊กนี้ ปัจจุบัน เลอโนโว ติดเป็น 1 ใน 2 ผู้นำในแต่ละกลุ่ม กับคู่แข่งที่เป็นแบรนด์แตกต่างกัน ทำให้มีความท้าทายค่อนข้างมาก แต่เชื่อว่าจะสามารถทำตามเป้าหมายที่วางไว้ได้”
วรพจน์ มองการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในตลาดคอนซูเมอร์ เกี่ยวกับการเลือกซื้อโน้ตบุ๊กที่มีความพรีเมียมมากขึ้นว่า เกิดจากการที่ผู้บริโภคเห็นถึงความสำคัญของเทคโนโลยีใหม่มากขึ้น โดยเฉพาะหน่วยประมวลผลรุ่นใหม่ อย่าง Intel รุ่นที่ 11 ที่แม้ว่าจะมีราคาสูงขึ้น แต่ตอบโจทย์การใช้งานที่มากกว่า ผู้บริโภคก็พร้อมที่เลือกซื้อ
***ปรับตัวสู่ธุรกิจบริการ
พร้อมกันนี้ จากการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้ เลอโนโว เริ่มมีการปรับตัวจากบริษัทผู้ผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ กลายมาเป็นธุรกิจบริการ (Lenovo Service) มากยิ่งขึ้น ซึ่งไม่ใช่เกิดขึ้นเฉพาะในประเทศไทย แต่เป็นทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
เคน หว่อง ประธาน เลอโนโว ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ระบุถึงแนวทางในการเติบโตของเลอโนโวในยุคหลังโควิด-19 ว่า จะเน้นไปที่ธุรกิจบริการในทุกด้าน โดยเฉพาะการพัฒนาโซลูชันสำหรับภาคการศึกษา เฮลท์แคร์ บริการรับส่งอาหาร และการบริหารจัดการบริการหลังการขายแบบมืออาชีพ
“เลอโนโวสามารถนำจุดเด่นในการเป็นผู้นำตลาดฮาร์ดแวร์ไอที และการบริการเทคโนโลยีมาสนับสนุนลูกค้าองค์กรให้ครอบคลุมมากที่สุด แม้ว่าการทำธุรกิจในอนาคตจะยากขึ้น แต่เชื่อว่ามีโอกาสสำหรับเลอโนโวอย่างแน่นอน”
นอกจากนี้ ผู้บริหารเลอโนโว ยังเห็นเทรนด์การลงทุนทางด้านไอทีที่จะเพิ่มสูงขึ้นในยุคหลังจากนี้ เนื่องจากองค์กรธุรกิจเล็งเห็นแล้วว่า ดิจิทัลได้เข้ามาช่วยทำให้ธุรกิจสามารถรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนทำให้ในช่วงที่ผ่านมายอดขายพีซีเติบโตขึ้นมาก
ธเนศ กล่าวเสริมถึงธุรกิจบริการของเลอโนโว ว่าจะเริ่มเห็นได้ชัดเจนขึ้นภายใน 2-3 ปีข้างหน้า จากที่ปัจจุบัน เลอโนโว ได้เริ่มพัฒนาบริการหลังการขายให้ตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้ามากยิ่งขึ้น อย่างบริการ Premium Care ที่มีบริการให้คำปรึกษาตลอด 24 ชั่วโมง แก่ลูกค้าที่ซื้อโน้ตบุ๊กในกลุ่มพรีเมียม และลูกค้าองค์กรธุรกิจ
“สิ่งหนึ่งที่เลอโนโวต้องลงทุนคือการพัฒนาบุคลากรที่ให้บริการหลังการขายให้มีความเชี่ยวชาญมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้า โดยเฉพาะการให้บริการผ่านช่องทางออนไลน์ที่พุ่งสูงขึ้นในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา”
***รับผลกระทบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ขาดตลาด
อย่างไรก็ตาม ในช่วงของสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา ไม่ใช่ว่าเลอโนโว จะเห็นแต่ด้านบวกจากการเติบโตของตลาดเพียงมุมเดียว เพราะในช่วงที่ตลาดไอทีมีการเติบโต เลอโนโว ก็เผชิญต่อความท้าทายในแง่ของการบริหารจัดการสินค้าในสต๊อกด้วยเช่นเดียวกัน
ธเนศ ยอมรับว่า ที่ผ่านมาเลอโนโวมีผลิตภัณฑ์ที่เข้ามาตอบรับความต้องการของตลาดได้เพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น จากปัญหาในแง่ของสายพานการผลิตที่ชะลอตัว จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ชิ้นส่วนสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ขาดตลาด ไล่ตั้งแต่หน่วยประมวลผล ไอซี จนถึงพาแนล ที่นำมาผลิตหน้าจอ
“ตามปกติแล้วเลอโนโวจะมีสินค้าที่เพียงพอต่อการจำหน่ายในช่วง 4-5 สัปดาห์ แต่ในช่วงที่สินค้าขาดตลาดหนักๆ มีสินค้าเหลือจำหน่ายแค่ในสัปดาห์เดียวเท่านั้น ซึ่งกลายเป็นความท้าทายอย่างมากในการจัดสรรสินค้าให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าในขั้นต้น”
แม้ว่าในปัจจุบันสถานการณ์ของชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เริ่มคลี่คลายลงแล้ว แต่อาจจะต้องใช้เวลาเพื่อให้การบริหารจัดการสินค้ากลับมาอยู่ในสภาวะปกติในช่วงต้นปีหน้า เนื่องจากในช่วงปลายปีนี้ ที่ภาครัฐมีนโยบายมาสนับสนุนอย่าง ช้อปดีมีคืน ที่ขยายมูลค่าขึ้นมาเป็น 30,000 บาท ทำให้ผู้บริโภคที่กำลังตัดสินใจเลือกซื้อโน้ตบุ๊กระดับพรีเมียมตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
ทั้งนี้ ในช่วงที่ภาครัฐออกมาตรการมากระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยนั้น ตลาดไอทีจะได้รับผลบวก ทำให้มียอดขายเติบโตขึ้นเฉลี่ย 10-15% เป็นปกติอยู่แล้ว
***เปิดตัว Yoga 7 รุ่นใหม่ จับเทรนด์โน้ตบุ๊กพรีเมียม
สำหรับการออกผลิตภัณฑ์ภายใต้ซับแบรนด์ Yoga เพื่อมาทำตลาดในช่วงปลายปีนี้-ต้นปีหน้า เลอโนโว ได้มีการนำโน้ตบุ๊กที่เป็นเรือธงอย่าง Yoga Slim 7i Carbon โน้ตบุ๊กในตระกูล Yoga ที่เบาที่สุด ด้วยน้ำหนักเพียง 966 กรัม บนขนาดหน้าจอ 13.3 นิ้ว ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์สีขาว ที่ผ่านกรรมวิธีแบบเดียวกับรถยนต์ซูเปอร์คาร์
รวมถึงการนำหน่วยประมวลผล Intel Core รุ่นที่ 11 มาใช้งานภายใต้แพลตฟอร์ม Intel Evo ทำให้เป็นโน้ตบุ๊กบางเบา ที่สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ถึง 15 ชั่วโมง และสามารถชาร์จเพียง 15 นาที ใ้ช้งานต่อเนื่องได้ 2 ชั่วโมง
นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในตระกูล Yoga Slim 7i, Yoga Slim 7i Pro Yoga Slim 9i, Yoga 7i, Yoga 9i และ Yoga Duet 7i ที่มีให้เลือกทั้งหมด 7 รุ่น 12 สเปก ทยอยวางจำหน่ายต่อเนื่องถึงต้นปีหน้า ในระดับราคา 32,990-59,990 บาท