ไซเซลส่งไฟร์วอลล์ 2 รุ่นใหม่ป้อนองค์กรระดับเริ่มต้นใช้งานและระดับไฮเอนด์ USG FLEX 100W และ USG FLEX 700 พร้อมเฟิร์มแวร์ใหม่ ZLD 4.60 ซึ่งเร่งเพิ่มคุณสมบัติด้านความปลอดภัยให้แก่ไฟร์วอลล์ทั้งหมด วางเป้าหมายขยายขนาดของผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้าเลือกมากขึ้น ป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่นับวันจะซับซ้อนมากขึ้น แต่องค์กรยังมีความยืดหยุ่นมากขึ้น สามารถรักษาความต่อเนื่องทางธุรกิจในวิกฤตโควิด-19
นาธาน เยน ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายธุรกิจ Gateway Business Center ของไซเซลกล่าวว่า ในขณะนี้เอสเอ็มอีกำลังมองหาววิธีที่มีประสิทธิภาพที่ช่วยสร้างอนาคตของธุรกิจในระยะยาว ในขณะเดียวกัน จำเป็นต้องจัดการสภาพแวดล้อมเครือข่ายรองรับการทำงานจากที่บ้านเพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างราบรื่นต่อเนื่องในช่วงเวลาที่คาดเดาไม่ได้นี้ ไซเซลมั่นใจว่าไฟร์วอลล์ USG FLEX ใหม่ 2 รุ่นนี้และคุณสมบัติด้านความปลอดภัยขั้นสูงของเฟิร์มแวร์ ZLD 4.60 จะช่วยให้คุณอุ่นใจได้
"ไม่ว่าทรัพยากรหรืองบประมาณของคุณจะเป็นเท่าใด องค์กรของคุณจะสามารถมีโซลูชันการเชื่อมต่อเกตเวย์ที่ทรงพลัง เชื่อถือได้และปรับขนาดได้เช่นกัน"
ตามรายงานภูมิทัศน์ภัยคุกคามปี 2020 โดย ENISA พบว่าการถูกโจมตีทางไซเบอร์ยังคงมีมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่องค์กรทั้งหลายกำลังก้าวสู่การปฏิรูปทางดิจิทัล ทั้งนี้ การระบาดของไวรัส COVID-19 เป็นปัจจัยเร่งหลักทำให้องค์กรจำนวนมากปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานไปเป็นการทำงานจากที่บ้านโดยสมบูรณ์ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงแนวทางปฏิบัติในการทำงานอย่างรวดเร็วในครั้งนี้ได้สร้างแรงกดดันให้แก่เหล่าองค์กรเอสเอ็มอีที่จำเป็นจะต้องมีความปลอดภัยของเครือข่ายที่เหมาะสม รวมถึงต้องจัดสรรงบประมาณและทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดนั้นให้แก่องค์กรอย่างเหมาะสมเช่นกัน
สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ USG FLEX มีคุณสมบัติครบที่เอสเอ็มอีต้องการในกล่องเดียว ไซเซลระบวุ่า ได้เพิ่มไฟร์วอลล์ใหม่อีก 2 รุ่น ส่งให้ตระกูลผลิตภัณฑ์ไฟร์วอล์ USG FLEX ครอบคลุมความต้องการขององค์กรได้อย่างสมบูรณ์ โดยรุ่น USG FLEX 100W เป็นไฟร์วอลล์ระดับเริ่มต้น มีฟังก์ชันไวไฟในตัว และรุ่น USG FLEX 700 เป็นไฟร์วอลล์ระดับไฮเอนด์ รองรับการใช้งานของอุปกรณ์พร้อมกันได้ถึง 800 เครื่อง ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ไฟร์วอล์ซีรีส์ USG FLEX มีคุณสมบัติให้การรักษาความปลอดภัยเครือข่ายที่แข็งแกร่งและปรับขนาดได้สำหรับเอสเอ็มอี และยังรองรับการเข้าใช้งาน VPN จากระยะไกล การบริหารการเชื่อมต่อของไวไฟ และฟังก์ชันฮอตสปอตที่ครอบคลุมเพื่อตอบสนองความต้องการทางธุรกิจเบ็ดเสร็จภายในกล่องเดียว
สำหรับเฟิร์มแวร์ ZLD 4.60 เวอร์ชันใหม่ นอกจากจะเป็นการปรับปรุงซอฟต์แวร์ใหม่ ยังให้ความเร็วทรูพุตการตรวจสอบ SSL ที่เร็วขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า 3 ถึง 5 เท่า (เมื่อใช้โปรโตคอล HTTPS กับอุปกรณ์ที่เปิด Firewall routing, NAT และ ADP ใช้งาน) ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้จะได้รับประสิทธิภาพการทำงานบนฮาร์ดแวร์ที่มีอยู่มากขึ้น มีประสิทธิภาพการเข้ารหัส/ถอดรหัสสูงขึ้น และออก Certificate ได้เร็วขึ้น
การปรับปรุงคุณสมบัติการตรวจสอบ SSL ในครั้งนี้ยังหมายถึงการรองรับโปรโตคอล Transport Layer Security (TLS) เวอร์ชันล่าสุดที่ใช้รักษาความปลอดภัยของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตระหว่างเซิร์ฟเวอร์และไคลเอนต์ ทั้งนี้ การที่รองรับโปรโตคอล TLS 1.3 จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น มีความปลอดภัยสูงขึ้น มีประสิทธิภาพและความเป็นส่วนตัวมากขึ้น
นอกเหนือจากบริการตรวจสอบชื่อเสียงของไอพี (IP Reputation) และชื่อเสียงของยูอาร์แอล (URL Reputation) ที่มีอยู่แล้วนั้น ZLD 4.60 ยังเพิ่มบริการตรวจสอบชื่อเสียงของดีเอ็นเอส (DNS Reputation) ที่ขับเคลื่อนโดยแหล่งข้อมูลของ McAfee อีกด้วย โดยบริการทั้ง 3 นี้มีอยู่ในซีรีส์ผลิตภัณฑ์ ATP ของไซเซล ทำงานร่วมกันเพื่อมอบโซลูชันที่ครอบคลุมและทรงประสิทธิภาพ ช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ใช้งานคลิกที่โดเมนที่ตนรู้จักซึ่งมีเนื้อหาที่เป็นอันตรายและช่วยบล็อกการเข้าถึงไซต์อันตรายบางแห่งได้ ทั้งนี้ แดชบอร์ดของโซลูชัน SecuReporter ของไซเซลสามารถวิเคราะห์และช่วยจัดการ Reputation ได้อย่างง่ายดาย เพื่อช่วยให้ผู้ดูแลระบบเครือข่ายสามารถติดตามโดเมนที่ไม่ปลอดภัย ภัยคุกคามและการสืบค้นประเภทต่างๆ