ทวิตเตอร์เผยโปรโมชันวันแห่งการชอปปิ้งออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น 7/7, 8/8, 9/9, 10/10, 11/11 และ 12/12 กลายเป็นช่วงเวลาของการสร้างมูลค่ามหาศาลสำหรับวงการค้าปลีกในประเทศไทย ระบุปัจจุบันมีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตกว่า 4.57 พันล้านคนทั่วโลก (59% ของประชากรโลก) และในประเทศไทยมีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตราว 75% จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมวันแห่งการชอปปิ้งจึงเป็นการจัดโปรโมชันออนไลน์และกลายเป็นช่วงเวลาสำคัญในการทำอีคอมเมิร์ซ
นายอาร์วินเดอร์ กุจรัล กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทวิตเตอร์ กล่าวว่า ไม่น่าแปลกใจที่บทสนทนาที่พูดคุยเกี่ยวกับการชอปปิ้งบนทวิตเตอร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีเพิ่มมากขึ้น และจะเห็นได้ชัดว่าช่วงพีกที่สุดในช่วงใกล้ๆ วันแห่งการชอปปิ้งออนไลน์ทั้งก่อนและหลังวันที่มีการจัดโปรโมชัน
"ทั้งนี้ การชอปปิ้งยังเป็นหัวข้อการสนทนาที่มีการพูดคุยได้ตลอดทั้งปีบนทวิตเตอร์ ยิ่งผู้บริโภคหันมาใช้อีคอมเมิร์ซและเอ็มคอมเมิร์ซมากขึ้นจะพบว่าเทรนด์การสนทนาในหัวข้อที่เกี่ยวกับการชอปปิ้งออนไลน์ยังคงมีการเติบโตอย่างรวดเร็วต่อเนื่อง”
ทวิตเตอร์ย้ำว่า ตัวเองเป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่ผู้บริโภคนิยมพูดคุยเกี่ยวกับการชอปปิ้งในประเทศไทย โดยอ้างอิงข้อมูลจาก Statista พบว่า ในปี 2562 มีการใช้จ่ายผ่านอีคอมเมิร์ซทั่วโลกเป็นมูลค่ากว่า 3.53 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ข้อมูลจาก MediaRadar บริษัทที่ปรึกษาด้านการตลาดและโฆษณา พบว่ามีการใช้จ่ายค่าโฆษณาเกี่ยวกับอีคอมเมิร์ซเพิ่มขึ้นจากเดิม 4.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 9.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงระหว่างที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 สำหรับตลาดอีคอมเมิร์ซ (eCommerce) และ เอ็มคอมเมิร์ซ (mCommerce) ในประเทศไทยมีมูลค่ารวมกันราว 3.98 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ห้างสรรพสินค้าเกือบทุกแห่งในประเทศไทยต้องปิดตามมาตรการของรัฐที่ขอให้ทุกคนอยู่บ้าน #StayAtHome กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคหันมาชอปปิ้งออนไลน์
การดิสรัปที่สำคัญครั้งนี้ส่งผลไปถึงไลฟ์สไตล์ของผู้คนในการเลือกซื้อสินค้าทำให้อีคอมเมิร์ซในประเทศมีการเติบโตขึ้นอย่างมหาศาล เนื่องจากการชอปปิ้งออนไลน์กลายเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในชีวิตประจำวันไปแล้ว แบรนด์ต่างๆ จึงหันมาลงทุนศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น เพื่อจะได้ทำความเข้าใจว่าผู้บริโภคเลือกสิ่งที่ชอบและไม่ชอบอย่างไร อะไรคือสิ่งที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อ และการซื้อของออนไลน์มีลำดับขั้นตอนอย่างไร เป็นต้น
ผู้บริหารทวิตเตอร์ย้ำว่า แบรนด์ต่างๆ ควรต้องมีการปรับเปลี่ยนวิธีในการทำการตลาด โดยเฉพาะจะต้องมีความเข้าใจว่าทำไมผู้บริโภคจึงเลือกซื้อของทางออนไลน์และสิ่งที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการซื้อดังกล่าว บริษัทพบว่าแบรนด์ในประเทศไทยต่างหันมาใช้ทวิตเตอร์ในการคอนเน็กกับกลุ่มผู้บริโภคและกลุ่มผู้ใช้งานทวิตเตอร์ประเทศไทย
เพื่อทำความเข้าใจกับเทรนด์การซื้อของผู้บริโภค ทวิตเตอร์ระบุว่า วันแห่งการชอปปิ้งกลายเป็นเหมือนแม่เหล็กดึงดูดทั้งแบรนด์และผู้บริโภค ทวิตเตอร์นับเป็นแพลตฟอร์มที่แบรนด์เลือกใช้สร้างคอนเน็กกับนักชอปออนไลน์ จากการวิจัยล่าสุด พบว่า ผู้ใช้งานทวิตเตอร์ประเทศไทยมากกว่า 4 ใน 5 คน มีการซื้อของออนไลน์ ทั้งนี้ แบรนด์สามารถทำความเข้าใจเทรนด์ของผู้บริโภคได้ถือเป็นเรื่องที่จำเป็น
ทวิตเตอร์ยังพบว่า 5 ผลิตภัณฑ์ที่ผู้ใช้งานทวิตเตอร์ในประเทศไทยนิยมสั่งซื้อผ่านทางออนไลน์เมื่อเดือนที่ผ่านมา ได้แก่ 1.แชมพู (84.7%) 2.น้ำยาปรับผ้านุ่ม (75.6%) 3.น้ำยาซักผ้า/ผงซักฟอก (74.2%) 4.ครีมนวดผม (66.9%) 5.เสื้อผ้า (66.7%) โดย 4 เหตุผลหลักที่ผู้บริโภคชาวไทยเลือกชอปออนไลน์ คือ 1.จัดส่งฟรี (63%) 2.ส่วนลดต่างๆ (57%) 3.จ่ายเงินเมื่อได้รับสินค้า (45%) 4.เสียงสนับสนุนและการพูดถึงของผลิตภัณฑ์นั้นๆ (39%)
นอกจากนี้ บริษัทยังพบว่าสาวๆ นักชอปบนทวิตเตอร์มีความสนใจในเรื่องของดนตรี อาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ การทำอาหาร ความงามและเครื่องสำอาง ในขณะที่หนุ่มนักชอปมีความสนใจในเรื่องเทคโนโลยี ดนตรี การเล่นกีฬาและข่าวสารต่างๆ รีวิวข้อมูลผลิตภ้ณฑ์ก่อนการตัดสินใจซื้อ
ทวิตเตอร์ทิ้งท้ายว่า การซื้อของออนไลน์ไม่ได้เป็นเพียงแค่การล็อกอินเพื่อเข้าไปซื้อแล้วล็อกออฟออกจากระบบเท่านั้น แต่ขั้นตอนในการชอปปิ้งออนไลน์นั้นยาวนานกว่าที่คิด และมีความแตกต่างจากเดิมไปมาก การศึกษาหาข้อมูลและการวางแผนก่อนจ่ายเงินซื้อของถือเป็นส่วนที่สำคัญในขั้นตอนการซื้อของ โดย 94% ของนักชอปออนไลน์บนทวิตเตอร์มักจะหาข้อมูลจากรายการสิ่งของที่อยากได้ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ