“พุทธิพงษ์” เผยความต้องการใช้งานดิจิทัลพุ่งทั้งภาคประชาชนและภาครัฐ หลังโควิด-19 ระบาด เป็นเหตุต้องเร่งของบประมาณเพิ่มในการขยายจุดให้บริการฟรีไวไฟในพื้นที่โครงการเน็ตประชารัฐ และ โครงการคลาวด์ภาครัฐ ตั้งความหวังเสนอขอโครงการ 4 แสนล้าน
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการฟรีไวไฟชุมชนเมืองว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เพียงรายเดียวในการทำโครงการนี้ จากเดิมที่ได้มอบหมายให้บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ดำเนินการด้วย เนื่องจากทีโอที ต้องใช้เวลาในการดำเนินโครงการขยายจุดฟรีไวไฟ ในพื้นที่โครงการเน็ตประชารัฐ ซึ่งหลังจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ประชาชนมีความต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตสูงขึ้น
ทั้งนี้ โครงการฟรีไวไฟชุมชนเมืองนั้นจะสามารถเปิดให้บริการได้ภายในเดือน พ.ย.นี้ โดยเริ่มที่ตลาดสำเพ็งก่อนเป็นที่แรก โดยกระทรวงดีอีเอสจะมีหลักสูตรอบรมเพื่อให้ร้านค้าในสำเพ็งสามารถขายของออนไลน์ได้ ขณะที่บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ปณท จัดบริการส่งสินค้าในราคาพิเศษ โดยที่ ปณท ต้องไม่ขาดทุน นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่ตลาดวังหลังที่จะดำเนินการ รวมถึงต่างจังหวัดที่ทาง กสท โทรคมนาคม กำลังเร่งสำรวจพื้นที่อยู่ เบื้องต้น ใช้งบประมาณของ กสท โทรคมนาคม
ส่วนแผนงานของโครงการขยายจุดฟรีไวไฟของทีโอทีในโครงการเน็ตประชารัฐนั้น ทีโอที ได้เสนองบประมาณ 2,000-4,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มจำนวนเราเตอร์ไวไฟ ให้เพียงพอต่อการใช้งาน ซึ่งกระทรวงดีอีเอสจะปรับแผนโครงการเดิมที่เคยเสนอขอโครงการตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม 4 แสนล้านบาท ภายใต้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ต่อสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จากเดิมที่ขอในโครงการขยายจุดให้บริการฟรีไวไฟในชุมชนเมืองทั่วประเทศ มูลค่า 2,049 ล้านบาท เป็นโครงการในพื้นที่เน็ตประชารัฐแทน
นายพุทธิพงษ์ กล่าวต่อว่า คาดว่าเมื่อปรับแผนแล้ว โครงการดังกล่าวจะได้รับการอนุมัติ เนื่องจากเป็นโครงการที่มีความสำคัญ รวมถึงโครงการฝึกอบรมสร้างทักษะด้านดิจิทัล มูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) ร่วมกับ กสท โทรคมนาคม เพื่อศึกษาแนวทางการรีสกิล-อัปสกิล ให้แก่นักศึกษาจบใหม่ในทุกสาขา โดยการฝึกอบรม ส่งเสริมความรู้ด้านดิจิทัล เบื้องต้นจะสนับสนุน จำนวน 50,000 ราย ได้รับเงินสนับสนุนเป็นเวลา 3 เดือนๆ ละ 10,000 บาท โดยบุคลากรเหล่านี้จะมีประโยชน์ต่อการให้ความรู้ในชุมชนต่อไป
นอกจากนี้ กระทรวงดีอีเอสยังมีความต้องการงบประมาณเพิ่มเติมในโครงการพัฒนาระบบคลาวด์กลางภาครัฐ (Government Data Center and Cloud Service : GDCC) เนื่องจากภาครัฐมีความต้องการใข้งานมากขึ้น จากสถานการณ์โควิด-19 จากเดิมที่เตรียมการรองรับการใช้งานโดยของบประมาณปีที่แล้วให้สามารถรองรับการใช้งาน 8,000 วีเอ็ม แต่ความต้องการใช้งานขณะนี้สูงขึ้นเป็น 20,000 วีเอ็ม ที่กำลังจะขอเข้ามาใช้งานในปีหน้า จึงจำเป็นต้องเร่งของบประมาณมาเพิ่มเติมในส่วนที่เพิ่มขึ้นโดยอาจจะของบกลางของปีงบประมาณ หรืองบประมาณจากโครงการ 4 แสนล้านดังกล่าว