เอ็นทีที (NTT Ltd.,) ผู้ให้บริการเทคโนโลยีเปิดเผยรายงานด้านสำนักงานอัจฉริยะ ปี 2020 (Intelligent Workplace Report 2020) เกี่ยวกับการสร้างประสบการณ์แก่พนักงานเพื่อการทรานส์ฟอร์มของโลก ‘Shaping Employee Experiences for a World Transformed’ พบการระบาดของเชื้อไวรัสครั้งใหญ่ทำให้เรื่องของความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของพนักงานถูกยกขึ้นมาเป็นวาระแรกของการดำเนินธุรกิจ โดยระบุว่า เกือบสี่ในห้า (85.4%) ขององค์กรธุรกิจยอมรับว่าการทำงานที่บ้านในช่วงของการระบาด เป็นเรื่องท้าทายสำหรับพนักงานที่ต้องเผชิญต่อปัญหาในการเชื่อมต่อและความไม่พร้อมของสถานที่ในการทำงาน
จอห์น ลอมบาร์ด ประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ของ NTT Ltd. กล่าวว่า การเชื่อมต่อกับพนักงา-สุขภาพ และประสบการณ์ของพนักงาน-ต้องเป็นหัวใจสำคัญของกลยุทธ์ในสำนักงานแห่งอนาคต การช่วยให้ผู้คนติดต่อกันและรักษาข้อมูลให้ปลอดภัยเป็นกุญแจสำคัญในการดูแลพนักงานและรักษาประสิทธิภาพและประสิทธิผล
"แต่สิ่งเหล่านี้ต้องได้รับการสนับสนุนจากการวางกลยุทธ์ในระยะยาวสำหรับการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลด้วยการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงด้านนโยบาย และการฝึกอบรมหลักสูตรต่างๆ มาใช้เพื่อให้พนักงานรู้สึกสบายใจกับการใช้แพลตฟอร์มแบบใหม่"
ผลการสำรวจจากผู้เข้าร่วมให้ความคิดเห็น 1,350 คน จาก 19 กลุ่มในตลาดภาคธุรกิจ พบว่า 92.1% ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าความต้องการของพนักงานจะเป็นหัวใจสำคัญของการออกแบบสถานที่ทำงานในอนาคต ซึ่งผลการวิจัยของเราแสดงให้เห็นว่า 80.8% ขององค์กรมองว่าพนักงานต้องการมีทางเลือกและความยืดหยุ่นในการทำงานในสำนักงานเพื่อให้สามารถทำได้อย่างปลอดภัย และ 92.1% ให้ความเห็นว่าการประชุมแบบพบหน้ากันเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความรู้สึกที่ดีในการทำงานและเป็นทีมเวิร์ก รวมถึงการติดต่อกับลูกค้าด้วยเช่นกัน
ความไม่พร้อมของสถานที่ในการทำงานที่พบในการสำรวจ ได้แก่ การเชื่อมต่อแบนด์วิดธ์ ความรู้สึกโดดเดี่ยวในการทำงาน รวมถึงการขาดพื้นที่ทำงานที่เป็นส่วนตัว ซึ่งมีส่วนทำให้พวกเขารู้สึกเป็นกังวลในระหว่างการทำงาน องค์กรจึงต้องพิจารณาถึงกลยุทธ์ในทุกแง่มุมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน โดยคำนึงถึงประสบการณ์ในด้านวัฒนธรรม เทคโนโลยี และสถานที่ในการทำงาน
ในขณะที่โลกยังคงปรับตัวให้เข้ากับความท้าทายของโควิด-19 องค์กรต่างๆ จึงต้องพัฒนากลยุทธ์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นเพื่อให้บริการและเพิ่มความสะดวกแก่พนักงานที่ทำงานอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ได้อย่างถาวร โดย 93% ขององค์กรตระหนักถึงคุณค่าของประสบการณ์ของพนักงานในฐานะผู้สร้างความแตกต่างเชิงกลยุทธ์เป็นสำคัญ มีเพียง 39.2% เท่านั้นที่พอใจกับขีดความสามารถที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
สำหรับในปัจจุบันมีธุรกิจเพียงหนึ่งในสาม (35.2%) ได้เปลี่ยนแปลงนโยบายด้านไอทีเพื่อช่วยให้พนักงานสามารถดำเนินงานในรูปแบบใหม่ๆ และอีกครึ่งหนึ่ง (51%) ได้ปรับใช้การเครื่องมือและรูปแบบการสื่อสารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่งในหลายๆ กรณีพนักงานถูกปล่อยให้ใช้อุปกรณ์และแอปพลิเคชันส่วนตัวทำให้เกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งในความเป็นจริงมีเพียง 58.6% เท่านั้นที่เพิ่มขีดความสามารถด้านความปลอดภัยด้านไอทีเพื่อให้องค์กรและพนักงานมีความปลอดภัย
ผลการวิจัยยังพบว่า เกือบครึ่งหนึ่ง (46.2%) ของธุรกิจกำลังทบทวนการออกแบบสำนักงานทั่วไปอยู่แล้ว และวิธีที่ดีที่สุดคือการปรับให้สอดคล้องต่อความต้องการใหม่ของพนักงาน ขณะที่ผู้ตอบแบบสอบถามค่อนข้างแบ่งขั้วว่าจะทำอย่างไรกับพื้นที่สำนักงาน โดยทั่วไปกว่าหนึ่งในสาม (34.4%) ของความเห็นผู้บริหารกลุ่ม C-suit ของทั่วโลก กล่าวว่าพวกเขาต้องการลดพื้นที่สำนักงาน แต่เกือบหนึ่งในสี่ (24.0%) มีแผนจะเพิ่มพื้นที่ ซึ่งส่วนใหญ่ยอมรับว่าพื้นที่ทางกายภาพจะมีการใช้งานตามที่กำหนดและยืดหยุ่นมากขึ้นเพื่อจัดเตรียมสภาพแวดล้อมการทำงานร่วมกันที่ช่วยให้การเชื่อมต่อกับพนักงานที่อยู่กันคนละที่ โดย 54.9% จะติดตั้งการประชุมทางวิดีโอ/เชื่อมต่อการทำงานในระยะไกลร่วมกับพนักงานในออฟฟิศผ่านทางวิดีโอ
นอกจากนี้ ยังช่วยอำนวยความสะดวกในการสร้างสรรค์และการทำงานร่วมกัน 42.3% จะใช้ความคิดสร้างสรรค์/พื้นที่ในการคิด รวมถึงช่วยขับเคลื่อนการริเริ่มการทำงานตามกิจกรรม เพราะกว่าหนึ่งในสี่ (26.5%) จะลดพื้นที่โต๊ะทำงานของแต่ละบุคคลโดยมีพื้นที่ประชุมเพิ่มขึ้น 29.9%
เอ็นทีที ย้ำว่า โซลูชันอัจฉริยะจะเพิ่มศักยภาพให้พนักงาน เพราะปัจจุบันนี้เราสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มดิจิทัลและแอปพลิเคชันมากมาย แต่การนำเทคโนโลยีใหม่เหล่านี้มาใช้อย่างรวดเร็วอาจไม่ได้รับการสนับสนุนด้วยการฝึกอบรมที่เพียงพอเสมอไป ซึ่งการกระตุ้นให้พนักงานใช้เทคโนโลยีใหม่ได้นั้นสิ่งสำคัญคือต้องอธิบายให้ชัดเจนถึงผลประโยชน์ที่พวกเขาจะได้รับในแต่ละบุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพวกเขาต้องทำงานจากสถานที่ไกลๆ นอกสำนักงาน
มีธุรกิจเพียง 41.6% จากทั่วโลกที่สามารถเข้าถึงการวิเคราะห์สถานที่ทำงานเพื่อช่วยให้เข้าใจและประเมินจุดบกพร่องใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นจากการเชื่อมต่อในการทำงานนอกสำนักงาน ด้วยการตรวจสอบว่าแอปพลิเคชันและคุณสมบัติต่างๆ ของผู้ใช้ผ่านการวิเคราะห์สถานที่ทำงาน ซึ่งธุรกิจสามารถเรียนรู้วิธีจัดลำดับความสำคัญ การประยุกต์ใช้ และวัดผลกระทบ จากการฝึกอบรมเพื่อส่งผลเชิงบวกต่อการนำไปใช้ การดำเนินงาน และประสิทธิผล ทั้งหมดนี้ก่อให้เกิดประสบการณ์แก่พนักงาน
ที่สำคัญ องค์กรธุรกิจต้องวางรากฐานสำหรับประสบการณ์ของพนักงานในอนาคตตั้งแต่ตอนนี้ เห็นได้จากการปรับตัวให้เข้ากับการระบาดในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมามากกว่าครึ่ง (55.3%) จากกลุ่ม C-suite ทั่วโลก เห็นด้วยอย่างยิ่งว่าขณะนี้ถึงเวลาแล้วที่จะสร้างสำนักงานแห่งอนาคต
ปราณา อนันด์ ผู้อำนวยการอาวุโสด้านสำนักงานอัจฉริยะ เอเชียแปซิฟิกของ NTT Ltd. เห็นด้วยกับความจำเป็นที่ธุรกิจต้องดำเนินการในตอนนี้ โดยระบุว่า วิธีที่องค์กรธุรกิจต่างต่อสู้กับความท้าทายที่เกิดจาก COVID-19 และปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการทำงาน ซึ่งจะเป็นการวางรากฐานสำหรับอนาคตของการทำงาน
"ธุรกิจต้องตอบสนองด้วยความคล่องตัวและเป้าหมาย ซึ่งเรากำลังเห็นบริษัทต่างๆ ที่ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบเรียลไทม์เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่าน สำหรับผู้ที่นำหน้าเกมอยู่แล้วด้วยประสบการณ์ของพนักงาน ความกล้าหาญ การขับเคลื่อนด้วยข้อมูล การตัดสินใจที่เกิดขึ้นโดยมนุษย์ที่อยู่ในสถานะที่แข็งแกร่งขึ้นมากในการสร้างวัฒนธรรมเพื่อสนับสนุนการดำเนินงาน ทั้งนี้ การเพิ่มขีดความสามารถให้แก่ผู้คนและช่วยให้พวกเขาพบกับความสำเร็จมากขึ้นในการทำงานคือการส่งมอบคุณค่าให้แก่องค์กรเหล่านี้"