การประกาศเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ (Carbon Neutral) ของเทเลนอร์ ภายในปี 2050 นั้นทำให้บริษัทในเครือของเทเลนอร์อย่าง ‘ดีแทค’ ต้องเร่งเดินหน้าลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งที่ผ่านมาได้เข้าไปร่วมสนับสนุนทั้งโครงการกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์ และเตรียมความพร้อมในการใช้พลังงานสะอาดที่จะเริ่มดำเนินการในปีหน้า
นางอรอุมา ฤกษ์พัฒนาพิพัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานสื่อสารองค์กรและความยั่งยืน บริษัท โทเทิ่ล แอคเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า ที่ผ่านมา ดีแทค ให้ความสำคัญต่อการกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์มาตั้งแต่ปี 2555 และเริ่มขยายความครอบคลุมให้รองรับอุปกรณ์ของผู้บริโภคในปี 2557
กระบวนการกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์ของดีแทค เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่การจัดหาโรงงานรีไซเคิลที่ได้รับรองมาตรฐานที่ชัดเจน มีใบอนุญาตในการกำจัดขยะ เนื่องจากดีแทคมีหน่วยงานกำกับดูแลห่วงโซ่อุปทาน ที่ทำหน้าที่ในการตรวจสอบผู้ให้บริการรีไซเคิลทุกปี เพื่อตรวจสอบกระบวนการรีไซเคิลที่มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง
เป้าหมายของดีแทคในการกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์ คือ การลดปริมาณขยะสู่ธรรมชาติ โดยตั้งเป้าว่าภายในปี 2565 ขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่เกิดขึ้นจากองค์กรจะไม่ถูกฝังกลบ (Zero Landfill) ด้วยการนำกระบวนการรีไซเคิลต่างๆ มาใช้งาน ตามนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม และสภาวะอากาศ ตามกลยุทธ์ความยั่งยืนของดีแทค
นอกเหนือจากการลดปริมาณคาร์บอนในแง่ของการกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์แล้ว ดีแทค ยังเดินหน้าตามแนวทางความยั่งยืนของเทเลนอร์ ที่ประกาศไว้ว่าภายในปี 2573 นี้ ผู้ให้บริการเครือข่ายในเครือเทเลนอร์ทั่วภูมิภาคเอเชีย ที่มีไทย พม่า มาเลเซีย ปากีสถาน และบังกลาเทศ จะต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงให้ได้ 50%
“ในจุดนี้ ดีแทค ถือเป็นผู้นำโอเปอเรเตอร์ในเทเลนอร์ กรุ๊ป ในภูมิภาค ที่เริ่มเดินหน้ากลยุทธ์ความยั่งยืน ด้วยการนำโครงการกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์มาช่วยเสริมสร้างความรู้ให้แก่ผู้บริโภค และเตรียมแผนในการนำพลังงานสะอาดมาใช้งานต่อไปในอนาคต”
ปัจจุบัน ดีแทคกำลังอยู่ในระหว่างการศึกษาแนวทางการนำพลังงานสะอาดมาใช้ในสถานีฐานต่างๆ อย่างพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อที่จะเดินหน้าตามเป้าหมายของเทเลนอร์ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ภายในปี 2593
นำรายได้กำจัด e-Waste ตั้งกองทุนพัฒนา
ทั้งนี้ ในช่วงปีที่ผ่านมา ดีแทคสามารถกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่เกิดขึ้นจากการดำเนินธุรกิจการให้บริการด้านโทรคมนาคม โดยเฉพาะมาจากโครงข่ายสัญญาณกว่า 213,476 ชิ้น แบ่งเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับจากผู้ใช้งานทั่วไป จำนวน 46,221 ชิ้น คิดเป็น 21% และขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่เกิดขึ้นจากการการขยายโครงข่าย 167,255 ชิ้น หรือคิดเป็น 79% ของขยะอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดที่เก็บได้
หลังจากนำขยะอิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล จนถึงการหลอมวัสดุบางส่วน ทำให้ดีแทคมีรายได้กลับมาจากการกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์กว่า 1 ล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้ ดีแทคจะนำเงินที่ได้เหล่านี้บริจาคให้แก่มูลนิธิต่างๆ ในแนวทางล่าสุดที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ คือ การนำรายได้จากส่วนนี้มาร่วมกับหน่วยงานที่สนใจเพื่อตั้งกองทุนพัฒนา (Innovation Fund) ต่อไป