AWS เผยโควิด-19 ทำพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน หันมาใช้ธุรกรรมการเงินออนไลน์มากขึ้น ส่งผลให้ฟินเทคมีโอกาสเติบโตและพัฒนานวัตกรรมการให้บริการรูปแบบใหม่ ตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกกลุ่มได้มากขึ้น ขณะที่ Omise ชี้ SMB หันมาใช้บริการอี-เพย์เมนต์มากขึ้น รับความต้องการผู้บริโภคเพิ่ม
นายชวพล จริยาวิโรจน์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด หรือเอดับบลิวเอส กล่าวว่า สถานการณ์ช่วงโควิด-19 ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยน การใช้งานดิจิทัล การทำงานที่บ้าน หรือเวิร์ก ฟอร์ม โฮม กลายเป็นสิ่งจำเป็น ทุกคนไม่ต้องการจับเงินที่เป็นกระดาษ ทำให้การทำธุรกรรมทางการเงินแบบออนไลน์โตขึ้น องค์กรทั้งเล็กและใหญ่มีการทรานฟอร์มไปสู่ดิจิทัลเร็วขึ้น
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวทำให้ธุรกิจต่างๆ ได้รับผลกระทบทั้งแง่ลบและแง่บวก และเกิดขึ้นกับทุกภาคส่วนอุตสาหกรรม โดยเฉพาะสตาร์ทอัปที่มีเงินทุนไม่สูงเท่าองค์กรใหญ่ที่ปกติต้องรัดเข็มขัดอยู่แล้วก็ยิ่งต้องรัดเข็มขัดมากขึ้น
AWS มีโซลูชันและรูปแบบราคาการให้บริการที่หลากหลายตอบโจทย์ความต้องการของสตาร์ทอัปอยู่แล้ว ดังนั้น เมื่อโควิด-19 จึงเป็นโอกาสสำคัญในการคิดค้นนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคนทุกกลุ่มตั้งแต่เด็กไปจนถึงรุ่นอาวุโสที่พร้อมเปลี่ยนแปลงไปสู่ดิจิทัลเร็วขึ้นจากแรงผลักของวิกฤตโควิด-19
"ในช่วงโควิด-19 แม้จะมีผลกระทบแต่ก็เป็นโอกาสของสตาร์ทอัปในการคิดไอเดียเพื่อแก้ปัญหา เพราะโควิด-19 เข้ามาเปลี่ยนพฤติกรรมของลูกค้า ทำให้ Gen X และ Baby Boomer เปลี่ยนแปลงด้วย เมื่อมีความต้องการใหม่ๆ นี้ ก็เป็นโอกาสของสตาร์ทอัปในการออกสินค้าและบริการมาทดลองตลาดในช่วงนี้"
นายชวพล กล่าวว่า ด้วยเหตุนี้ทำให้ฟินเทค มีโอกาสเติบโตในประเทศไทยเพราะความต้องการใช้บริการการเงินออนไลน์มีมากขึ้น ขณะที่ผู้ให้บริการฟินเทคเองมีจำนวนน้อย ทำให้บรรดานักลงทุนที่สนใจในกลุ่มสตาร์ทอัปมีความต้องการลงทุนกับสตาร์ทอัป ฟินเทค มากกว่าสตาร์ทอัปแบบอื่น
ประกอบกับที่ผ่านมา ลูกค้าของ AWS ส่วนใหญเป็นกลุ่มฟินเทค เพราะการทำธุรกรรมการเงินออนไลน์ต้องมีโซลูชันความปลอดภัยสูง และมีฟีเจอร์ในการรองรับการพัฒนาหลากหลายและอัปเดตตลอดเวลา ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นโซลูชันที่ราคาไม่แพง และมีหลากหลายราคาให้เลือกใช้งาน ทำให้สตาร์ทอัปสามารถควบคุมต้นทุนได้ เมื่อโควิด-19 เกิด ความเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีมาเร็วขึ้น จึงส่งผลให้ทั้งองค์กรเล็กและใหญ่หันมาใช้บริการของเอดับบลิวเอสมากขึ้นด้วย
นายฟอร์เรส ไทเลอร์ แฮริสัน ที่ปรึกษาด้านเทคนิค Omise ผู้ให้บริการระบบชำระเงินออนไลน์ กล่าวว่า ลูกค้าของบริษัทมีหลากหลายกลุ่ม อย่าง LINE และ Grab ซึ่งช่วงสถานการณ์โควิด-19 เห็นได้ชัดว่าคนส่วนใหญ่ไม่ต้องการจับเงินที่เป็นเหรียญหรือธนบัตร ความต้องการใช้บริการการเงินแบบออนไลน์ ทั้งการโอน ฝาก ถอนมีเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน กลุ่มองค์กรธุรกิจขนาดกลางและย่อม (SMB) เหล่านี้ก็ต้องการหาบริการอิเล็กทรอนิกส์ให้ลูกค้าเช่นกัน แต่ติดปัญหาเรื่องการเข้าถึงเทคโนโลยี ทักษะ และกำลังคน รวมถึงต้นทุนในการสร้างบริการดังกล่าวด้วย ทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้หันมาใช้บริการเพย์เมนต์ของบริษัทมากขึ้นเพราะบริษัทมีความสามารถยืดหยุ่นในการให้บริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า
