เสียวหมี่ (Xiaomi) ได้รับเลือกให้อยู่ในลำดับที่ 422 จากนิตยสาร Fortune Global 500 ติดต่อกันเป็นปีที่ 2 โดยยังคงเป็นบริษัทที่มีอายุการก่อตั้ง และระยะเวลาในการดำเนินกิจการน้อยที่สุด โดยเลื่อนลำดับจากปีที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ในลำดับที่ 468 ด้วยรายได้ 2.9 หมื่นล้านเหรียญ มีกำไรสุทธิ 1.453 พันล้านเหรียญ เติบโต 34.8% โดยอยู่ในลำดับที่ 7 ในประเภทบริการอินเทอร์เน็ตและการค้าปลีก
มร.เหลย จุน ผู้ก่อตั้ง ประธานบริหารและซีอีโอของเสียวหมี่ กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีที่ครบรอบ 10 ปี ของการก่อตั้งเสียวหมี่ หากมองย้อนกลับไปในหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา เสียวหมี่จะไม่สามารถประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ได้หากปราศจากการสนับสนุนอย่างจริงใจและไม่เปลี่ยนแปลงจากเพื่อนร่วมงานเกือบ 19,000 คนทั่วโลก รวมไปถึง Mi Fans ผู้ใช้งานพันธมิตรทางธุรกิจ
“ปี 2563 ถือเป็นสถานการณ์ที่ผิดไปจากเดิม เมื่อชีวิตของเราทุกคนได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงมากมาย ผมต้องการให้ทุกคนยอมรับการขอบคุณและความซาบซึ้งใจในช่วงเวลาที่ยากลำบากเหล่านี้จากผม ผมอยากจะใช้โอกาสนี้เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นของเราในการสร้างและมอบผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่อย่างต่อเนื่อง ในราคาที่เข้าถึงได้และเป็นจริงมากที่สุดสำหรับ Mi Fan และผู้ใช้ทุกคนในทั่วทุกมุมโลก”
นอกจากนี้ ในฐานะบริษัทอินเทอร์เน็ตที่มีสมาร์ทโฟนและฮาร์ดแวร์อัจฉริยะที่เชื่อมต่อบนแพลตฟอร์ม Internet of Things (IoT) เป็นแกนหลักซึ่งก่อตั้งขึ้นในเดือนเมษายน 2553 เสียวหมี่ยังได้รับการจัดอันดับใน China 500 ของนิตยสาร Fortune เช่นกันในเดือนกรกฎาคม โดยอยู่ในอันดับที่ 50 สูงขึ้น 3 อันดับจากอันดับที่ 53 ในปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ บริษัทครองอันดับที่ 24 จาก 50 บริษัทที่มีนวัตกรรมล้ำหน้าที่สุดของโลกในปี 2563 ตามการจัดดับของ Boston Consulting Group และยังติดอันดับที่ 384 ตามการจัดอันดับของนิตยสาร Forbes Global 2000 ประจำปี 2563 อีกด้วย
จากข้อมูลขององค์กรวิจัยการตลาดต่างประเทศ IDC ประจำเดือนมิถุนายน 2563 เสียวหมี่ยังคงเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนอันดับ 4 ของโลกในแง่ของปริมาณการจัดส่งสินค้า บริษัทยังได้บ่มเพาะและลงทุนในบริษัทอีโคซิสเต็มมากกว่า 200 บริษัท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่เจาะลึกในด้านการพัฒนาฮาร์ดแวร์อัจฉริยะ จึงสามารถสร้างแพลตฟอร์ม IoT สำหรับผู้บริโภคที่ใหญ่ที่สุดในโลกโดยมีฮาร์ดแวร์อัจฉริยะที่เชื่อมต่อประมาณ 252 ล้านเครื่อง ไม่รวมสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป
โชว จือ ชิว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารระหว่างประเทศของเสียวหมี่ กล่าวว่า จากผลประกอบการที่ดีในตลาดทั่วโลกทำให้ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา เสียวหมี่มีสัดส่วนรายได้ครึ่งหนึ่งมาจากต่างประเทศเป็นครั้งแรก และยังคงมุ่งมั่นที่จะขยายการทำตลาดไปทั่วโลก ตามพันธกิจของในการให้ทุกคนได้เพลิดเพลินไปกับผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่ดีที่สุด
“แม้จะมีผลกระทบจากการระบาดใหญ่เกิดขึ้นและส่งผลในช่วง 2-3 เดือนแรกของปีนี้ แต่เมื่อมาตรการล็อกดาวน์ค่อยๆ คลี่คลายลง ทำให้ได้เห็นการฟื้นตัวที่ดีขึ้น โดยเฉพาะการรักษากระบวนการผลิตและซัปพลายเชน และความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรทั่วโลก ในระบบค้าปลีก omnichannel ทั้งออนไลน์-ออฟไลน์”