เอไอเอส ผลประกอบการไตรมาส 2 กำไรสุทธิ 7,235 ล้านบาท ลดลง 6.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 3.3% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 1 โดยมีรายได้รวมลดลง 4.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 42,256 ล้านบาท จากสถานการณ์โควิด-19 กระทบต่อการใช้จ่ายผู้บริโภคในด้านการใช้มือถือ ส่วนเน็ตบ้าน ลูกค้าเพิ่มขึ้น 1.12 แสนราย
นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส กล่าวว่า ในภาพรวมของผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2563 ถือเป็นช่วงเวลาที่ประเทศไทยอยู่ในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ต่อเนื่องจากไตรมาสแรก โดยมาตรการล็อกดาวน์ส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาวะเศรษฐกิจ ธุรกิจโทรคมนาคมได้รับผลกระทบจากการลดลงของนักท่องเที่ยวและการปิดบริการชั่วคราว AIS Shop, Serenade Club และ AIS Telewiz ในพื้นที่ตามประกาศของภาครัฐ
รวมถึงการสนับสนุนมาตรการของ กสทช.เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายผู้ใช้บริการ ทั้งการมอบดาต้าและค่าโทร.ฟรีในช่วงเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม เป็นอีกสาเหตุที่ส่งผลต่อรายได้ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ แต่ในส่วนธุรกิจเน็ตบ้านได้รับผลเชิงบวกจากการที่ลูกค้าต้องทำงานหรือเรียนหนังสือจากบ้าน ทำให้มีความต้องการติดเน็ตบ้านสูงขึ้นมาก
ในไตรมาส 2 เอไอเอสมีรายได้รวม 42,256 ล้านบาท ลดลง 1.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และลดลง 4.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สำหรับธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ เอไอเอสยังคงมีจำนวนลูกค้าโทรศัพท์มือถือสูงที่สุดในตลาดที่ 41 ล้านเลขหมาย แบ่งเป็นลูกค้าระบบ รายเดือน จำนวน 9.5 ล้านราย เพิ่มขึ้นจำนวน 395,600 ราย ในไตรมาสนี้ และมี ลูกค้าระบบเติมเงินอยู่ที่ 31.4 ล้านราย ซึ่งลดลงจำนวน 531,900 ราย โดยมีสาเหตุหลักจากยอดขาย Sim2Fly ที่ได้รับผลกระทบจากข้อจำกัดของการเดินทางระหว่างประเทศ
ในขณะที่รายได้ต่อเลขหมายเฉลี่ยเท่ากับ 239 บาท/เลขหมาย/เดือน จากสภาพการแข่งขันในตลาดที่ยังคงสูงจากแพกเกจประเภท Fixed Speed Unlimited ซึ่งยังมีให้บริการในทุกโอเปอร์เรเตอร์ ขณะที่ COVID-19 ทำให้รูปแบบการใช้ชีวิตของคนเปลี่ยนไป ทั้งการทำงานที่บ้าน (Work from Home) และเรียนที่บ้าน (Learn from Home) ส่งผลให้การใช้งานดาต้าเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 15% เทียบกับปีก่อนหน้า อยู่ที่เฉลี่ย 17 GB ต่อเดือน และสัดส่วนลูกค้าที่ใช้ 4G ยังเติบโตสูงขึ้นต่อเนื่อง 75%
ส่วนธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้าน เอไอเอส ไฟเบอร์ ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีลูกค้าใหม่เพิ่มสูงที่สุดนับตั้งแต่เปิดให้บริการ จากความต้องการติดเน็ตบ้านในช่วงโควิด-19 ส่งผลให้มี ลูกค้ารวม 1.2 ล้านราย และมีรายได้จากธุรกิจเน็ตบ้าน 1,683 ล้านบาท เติบโต 22% เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนธุรกิจลูกค้าองค์กรก็ยังคงเติบโตจากความต้องการใช้บริการโซลูชันต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Data Center, Cloud และ ICT solution เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
แม้ว่าธุรกิจจะได้รับผลกระทบในเชิงรายได้ บริษัทมุ่งเน้นการบริหารต้นทุนและการควบคุมค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะกิจกรรมทางการตลาดที่น้อยลงในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้เอไอเอสมีกำไรสุทธิ 7,235 ล้านบาท ลดลง 6.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่เติบโต 3.3% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า รวมถึงมีการบริหารจัดการกระแสเงินสดให้เพียงพอต่อการลงทุนขยายโครงข่ายทั้งบริการ 5G และ 4G เพื่อรักษาความเป็นผู้นำอันดับ 1 ในอุตสาหกรรม
“ด้วยสถานการณ์ในขณะนี้ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ภายในประเทศเริ่มผ่อนคลายด้วยมาตรการด้านสาธารณสุขที่แข็งแกร่งของไทย ส่งผลให้ภาคธุรกิจต่างๆ สามารถกลับมาเปิดให้บริการ ประชาชนมีการปรับตัวใช้ชีวิตบนวิถีใหม่ หน้าที่ของเอไอเอส คือการนำ Digital Infrastructure ร่วมสนับสนุนและผลักดันให้คนไทย ภาคธุรกิจ และสังคมไทยเดินหน้าต่อไปได้ เพื่อให้ประเทศไทยก้าวผ่านวิกฤตเศรษฐกิจไปด้วยกัน”