แม้ว่าอัจฉริยภาพของ 5G จะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นได้ในหลายอุตสาหกรรม แต่จากวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมานั้น 5G ได้สะท้อนภาพที่ชัดเจนมากในแวดวงสาธารณสุขไทยที่เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนวิถีการรักษาที่เปลี่ยนแปลงไป อีกทั้งยังเข้าไปช่วยแก้ไขความท้าทายและข้อจำกัดต่างๆ ที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าวอย่างเห็นได้ชัด ทั้งเรื่องความเสี่ยงจากการติดเชื้อของแพทย์พยาบาลที่มีโอกาสมากจากการสัมผัสผู้ป่วยโดยตรง ความเสี่ยงของผู้ที่อาจจะป่วยที่ต้องมาโรงพยาบาล ข้อจำกัดของจำนวนบุคลากรทางการแพทย์ รวมทั้งอุปกรณ์ทางการแพทย์ ตลอดจนความเร่งด่วนในการรักษาพยาบาลที่เรียกได้ว่า ทุกๆ นาทีมีค่ายิ่งต่อชีวิตคนคนหนึ่ง
ต่อจากนี้ คือ มุมมองที่บอกเล่าถึงความเป็นอัจฉริยภาพ 5 ข้อของเทคโนโลยี 5G ที่ได้เข้าไปตอบโจทย์วงการสาธารณสุขในวิถีใหม่ที่เห็นกันได้จริงแล้ว
1.ความอัจฉริยะของ 5G ที่มีคุณสมบัติโดดเด่นเรื่อง ความเร็วสูงและความหน่วงต่ำ ทำให้ตอบสนองต่อการสั่งงานได้เร็วยิ่งขึ้น รวมทั้งเพิ่มความเสถียรในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ IoT ที่ใช้งานร่วมด้วย ทำให้การรับส่งข้อมูลระหว่างแพทย์กับหุ่นยนต์เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ สามารถพูดคุยและตอบคำถามแพทย์ได้แบบเรียลไทม์ ทำให้แพทย์สามารถปฏิบัติงานดูแลผู้ป่วยได้ในระยะไกล โดยไม่จำเป็นต้องเข้าใกล้ผู้ป่วย ลดความเสี่ยงติดเชื้อ และทำให้สามารถดูแลคนไข้ได้อย่างทั่วถึงมากยิ่งขึ้น แม้ในพื้นที่ห่างไกล
• หุ่นยนต์อัจฉริยะ True5G TemiConnect & CareBot มอบให้แก่โรงพยาบาลต่างๆ ได้ใช้งานแล้วทั่วประเทศ เช่น โรงพยาบาลสนามวชิระภูเก็ต และโรงพยาบาลสงขลานครินทร์โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี
2.ความอัจฉริยะของ 5G จากคุณสมบัติ ด้านแบนด์วิธที่สูงขึ้น ทำให้มีความสามารถในการส่งไฟล์ภาพขนาดใหญ่อย่างรวดเร็ว
ไฟล์ภาพต่างๆ ทางการแพทย์จะมีไฟล์ขนาดใหญ่ และต้องส่งให้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางตรวจสอบวินิจฉัย จากเดิมที่ใช้เวลานานในการส่งไฟล์หรือบางครั้งส่งไม่สำเร็จ ทำให้ผู้ป่วยรอรับการรักษานานขึ้น ขณะที่เครือข่ายความเร็วสูง 5G สามารถช่วยส่งไฟล์ภาพทางการแพทย์ขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็วและเชื่อถือได้ จึงเป็นประโยชน์แก่แพทย์ที่จะวิเคราะห์ผลได้เร็วขึ้น ทำให้รักษาตรงจุด เพิ่มทางรอดให้คนไข้ได้มากขึ้น
• True 5G MedTech Ambulance ที่พัฒนาร่วมกับโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี เข้าไปเสริมระบบสื่อสารภายในรถพยาบาลฉุกเฉิน ทำให้แพทย์ที่โรงพยาบาลสามารถติดต่อกับเจ้าหน้าที่ภายในรถฉุกเฉินได้ โดยไม่มีความหน่วง และช่วยให้สามารถส่งข้อมูลการทำอัลตราซาวนด์ เพื่อให้แพทย์ได้เตรียมความพร้อม ก่อนที่คนไข้จะเดินทางมาถึงโรงพยาบาล ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะช่วยให้การรักษาทำได้รวดเร็วขึ้น และช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้แก่ผู้ป่วยด้วย
3.ความอัจฉริยะของเครือข่ายที่มีศักยภาพมากพอที่จะ รองรับวิดีโอคุณภาพสูงและเรียลไทม์
ด้วยการเดินทางที่ไม่สะดวก โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทห่างไกล โดยเฉพาะในช่วงที่ผ่านมา ที่หากไม่มีเหตุจำเป็นคงไม่มีใครอยากเข้าไปโรงพยาบาล Telemedicine จึงเป็นทางเลือกใหม่ที่เข้ามามีบทบาทชัดเจน ซึ่งจำเป็นต้องใช้เครือข่ายที่มีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการเข้าถึง ซึ่ง 5G จะทำให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่เร็วขึ้นและสามารถเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญได้สะดวก เช่น การพูดคุยทางไกลด้วยภาพและเสียง (video conference) วิธีนี้จะช่วยให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่อีกสถานที่หนึ่งสามารถซักประวัติผู้ป่วย สั่งตรวจร่างกาย วินิจฉัยโรค และประเมินสภาวะทางจิตใจของผู้ป่วยได้ ทำให้ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ทันท่วงที ลดค่าใช้จ่ายและเวลาในการเดินทาง สามารถนัดแพทย์ได้ตามเวลาที่สะดวก ไม่ต้องไปคอยที่โรงพยาบาลเป็นเวลานาน
• โซลูชัน TeleAmbulance Powered by True 5G : Body Camera & Push to Talk เพื่อนำไปใช้สื่อสารในรถพยาบาลฉุกเฉิน ของศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉินศิริราช (Siriraj Emergency Medical Service Center) ผ่านเครือข่ายอัจฉริยะTrue 5G โดยรองรับการใช้งานทั้งแบบ Push to Talk และ Push to Video มีปุ่มฉุกเฉินสามารถ stream video แบบเรียลไทม์ไปยังแพทย์ เพื่อปรึกษาอาการคนไข้ ณ จุดเกิดเหตุ เพื่อประสานงานกับหน่วยต่างๆ ภายในโรงพยาบาล ทำให้สามารถวางแผนและเตรียมการรักษาได้ทันท่วงที ก่อนผู้ป่วยจะเดินทางมาถึงโรงพยาบาล
4.ระบบการเชื่อมต่อ ที่อัจฉริยะที่ทำให้การสื่อสารได้อย่างเสมือนจริง AR หรือ VR
5G จะเพิ่มความสามารถทางการแพทย์ในการส่งมอบการรักษาจากการจำลองสถานการณ์ที่เหมือนจริง ทำให้แพทย์เฉพาะทางสามารถเห็นภาพได้แม่นยำ ส่งผลให้รักษาผู้ป่วยฉุกเฉินได้ทันท่วงที
• AR Professional Consult Powered by True 5G ระบบการเชื่อมต่ออัจฉริยะ เพื่อการสื่อสารเสมือนจริง สำหรับใช้ในการสื่อสารระยะไกลระหว่างแพทย์ฉุกเฉินและแพทย์เฉพาะทาง โดยแพทย์เฉพาะทางจะเห็นภาพในมุมมองเดียวกัน จากแว่นที่แพทย์ฉุกเฉินใส่ ทำให้สามารถให้ความเห็นได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้ผู้ป่วยฉุกเฉินได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
5.ความอัจฉริยะยิ่งขึ้น เมื่อ 5G ทำงานร่วมกับปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ที่จะวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ลดข้อผิดพลาดที่มนุษย์เคยมี โดยเฉพาะในทางการแพทย์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะทำให้งานด้านการแพทย์รวดเร็ว แม่นยำ ทำให้แพทย์ทำงานได้อย่างคล่องตัว ติดตามผู้ป่วยจากระยะไกล และเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ เมื่อเชื่อมโยงผ่านอัจฉริยภาพของเครือข่าย True5G จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้วิเคราะห์ความผิดปกติได้อย่างแม่นยำ และมีการประมวลผลแบบ Realtime ยกตัวอย่าง True 5G PatrolBot หุ่นยนต์ตรวจความปลอดภัยอัจฉริยะ สามารถวิเคราะห์ความผิดปกติผ่านเซ็นเซอร์ตรวจวัดอุณหภูมิ ก๊าซ ความร้อน PM2.5 และสามารถบันทึกภาพพร้อมประมวลผลได้แบบ Real-time ผ่านระบบ Cloud AI จากทรู 5G เครือข่ายอัจฉริยะ