ดีป้า จับมือฮับบา และเทคซอส จัดงานประกาศผลรางวัลสุดยอดสตาร์ทอัปไทยในโครงการเร่งการเติบโตดิจิทัลสตาร์ทอัปด้านเมืองอัจฉริยะ “Smart City” หรือ depa Accelerator Program (ASEAN's First Smart City Accelerator) ซึ่งมีเป้าหมายในการพัฒนาศักยภาพของดิจิทัลสตาร์ทอัปผู้เข้าร่วมโครงการ ตลอดจนสร้างเครือข่ายสนับสนุน และเพิ่มโอกาสในการเติบโตสู่ระดับสากล เผยทีม ENRES (Energy Response) สตาร์ทอัปด้านเทคโนโลยีการประหยัดพลังงานทางเลือกใหม่ด้วยเทคโนโลยี AI คว้ารางวัลชนะเลิศ เกิดต้นแบบการบริหารจัดการพลังงานที่ตอบโจทย์ปัญหาเมืองอย่างแท้จริง
นายณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือดีป้า กล่าวว่า depa Accelerator Program เป็นโครงการเร่งการเติบโตให้แก่ดิจิทัลสตาร์ทอัปด้านเมืองอัจฉริยะ โครงการแรกในอาเซียนที่เปิดโอกาสให้สตาร์ทอัปเข้าร่วมโครงการเพื่อนำผลิตภัณฑ์ หรือบริการที่มีอยู่มาพัฒนาต่อยอด ผ่านการทำเวิร์กชอปกับผู้เชี่ยวชาญ พร้อมรับฟังปัญหาและความต้องการจากตัวแทนเมืองอัจฉริยะ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชลบุรี ขอนแก่น เชียงใหม่ และภูเก็ต เพื่อให้เกิดการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่พัฒนาโดยดิจิทัลสตาร์ทอัปไทย ในการแก้ไขปัญหาด้านการพัฒนาเมืองอัจฉริยะของประเทศไทยได้อย่างเป็นรูปธรรม โดย ทีม ENRES (Energy Response) สตาร์ทอัปด้านเทคโนโลยีการประหยัดพลังงานทางเลือกใหม่ด้วยเทคโนโลยี AI คว้ารางวัลชนะเลิศ ได้รับเงินรางวัล 600,000 บาท พร้อมโล่รางวัล
การเฟ้นหาสุดยอดสตาร์ทอัปไทยภายใต้โครงการ depa Accelerator Program เริ่มดำเนินงานมาตั้งแต่เดือน พ.ย.2562 จากผู้สมัครเข้าร่วมทั้งสิ้น 165 ทีม ผ่านการคัดเลือกเหลือ 20 ทีม ที่มีแนวคิด ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่พร้อมตอบโจทย์การพัฒนาเมืองเพื่อผู้บริโภคและภาคธุรกิจ ครอบคลุมนวัตกรรมการแก้ปัญหาด้านการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ใน 7 ด้าน ตามหลักเกณฑ์ของสำนักงานเมืองอัจฉริยะประเทศไทย ประกอบด้วย สิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ (Smart Environment) เศรษฐกิจอัจฉริยะ (Smart Economy) พลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy) การบริหารภาครัฐอัจฉริยะ(Smart Governance) การดำรงชีวิตอัจฉริยะ (Smart Living) การเดินทางและขนส่งอัจฉริยะ (Smart Mobility) และพลเมืองอัจฉริยะ (Smart People)
ตลอดระยะเวลา 12 สัปดาห์ในการดำเนินโครงการเหล่าสตาร์ทอัปที่ผ่านการคัดเลือกได้เปิดประสบการณ์การเรียนรู้พร้อมรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ ร่วมกิจกรรมเวิร์กชอปจาก Google Launchpad และทีมวิทยากรผู้มากประสบการณ์ในวงการสตาร์ทอัป ตลอดจนได้ทำ Proof of Concept (POC) ร่วมกับบริษัทขอนแก่นพัฒนาเมือง จำกัด บริษัท เชียงใหม่นครพิงค์พัฒนาเมือง จำกัด บริษัท ภูเก็ตพัฒนาเมือง จำกัด หอการค้าชลบุรี และสิริเวนเจอร์ (Siri Ventures) เพื่อพัฒนาศักยภาพผลิตภัณฑ์และบริการให้สามารถนำไปใช้ให้เกิดผลจริงอย่างมีประสิทธิภาพ
นายกฤษฎา ตั้งกิจ ผู้ร่วมก่อตั้ง ENRES (Energy Response) กล่าวว่า แพลตฟอร์มนี้ผ่านการนำนวัตกรรมเทคโนโลยี IoT (Internet of Things) และ AI (ปัญญาประดิษฐ์) มาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลให้เจ้าของธุรกิจสามารถรับรู้และแก้ไขปัญหาภายในอาคาร เรื่องระบบไฟฟ้า น้ำ อากาศ และพลังงานไฟฟ้าได้อย่างสะดวก รวดเร็ว เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากพบปัญหาในเรื่องของระบบไฟฟ้า น้ำ อากาศ และพลังงานไฟฟ้าของหน่วยงานและองค์กรที่มีขนาดพื้นที่ที่ใหญ่ การตรวจสอบและควบคุมทั้งหมดทั้งพื้นที่อาจมีหลายจุดที่เจ้าของธุรกิจหรือผู้ดูแลเข้าไม่ถึง
ดังนั้น จึงมองว่าหากทำให้อาคารที่มีขนาดใหญ่เหล่านี้ประหยัดพลังงานได้ ช่วยลดต้นทุนให้แก่ภาคธุรกิจ ลดการใช้พลังงาน เพื่อสภาพแวดล้อมที่ชีวิตความเป็นอยู่ของคนที่ดีขึ้น นับว่าเป็นมิติใหม่แห่งวงการสตาร์ทอัปไทยที่ได้ใช้นวัตกรรม รวมถึงระบบดิจิทัลเข้ามาแก้ไขปัญหาเมืองอัจฉริยะได้อย่างตอบโจทย์ และสามารถนำไปต่อยอดได้อย่างยั่งยืน
ด้าน น.ส.พรรณทิกา ตระกูลสถิตย์มั่น หัวหน้างานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ดีป้า กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าปัจจุบันแนวคิดของสตาร์ทอัปไทยมีความน่าสนใจทั้งในประเทศและต่างประเทศ ดังนั้น การที่ใครจะได้รับความสนใจมากกว่ากันนั้นต้องสู้กันที่แผนธุรกิจ ปัจจุบันมีสตาร์ทอัปไทย 2 ราย ได้รับความสนใจจากประเทศเกาหลี คือ ENRES และทีม Verily vision ผู้พัฒนาการลดปัญหาคอขวดของระบบโลจิสติกส์ ด้วยเทคโนโลยี AI ซึ่งทีม Verily vision นอกจากประเทศเกาหลีที่สนใจแล้ว ก็ยังมีประเทศเวียดนามที่สนใจด้วย นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาระบบท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรีด้วย