ดีอีเอส เดินหน้าคลาวด์ภาครัฐ รับ New Normal ตั้งเป้า ปี 2564 ผลักดันรัฐบาลดิจิทัลให้มีการแชร์ข้อมูลอย่างเป็นรูปธรรม
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยในงานเสวนา Innovation Live Forum ครั้งที่ 1 หัวข้อ The Next Normal ให้คนไทยก้าวทัน เพื่อคนไทยทุกคนว่า ทุกวันนี้เทคโนโลยีมีบทบาทมากโดยเฉพาะจากเหตุการณ์โรคระบาดโควิด-19 ได้เข้ามาช่วยขับเคลื่อนกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันมากขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้รัฐบาลได้เตรียมพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อก้าวสู่สังคมดิจิทัล ทำให้มีความพร้อมโดยเฉพาะด้านคลาวด์
ทั้งนี้ กระทรวงดีอีเอสได้ผลักดันนโยบายคลาวด์ ส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐพิจารณาเลือกใช้เทคโนโลยีและบริการคลาวด์เป็นอันดับแรก โดยเตรียมพร้อมระบบโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์กลางภาครัฐ (GDCC) รองรับการจัดเก็บข้อมูลภาครัฐอยู่ในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศทั้งหมดสอดคล้องกระแสโลกที่กำลังจะเปลี่ยนเข้าสู่การประมวลผลแบบคลาวด์อย่างเต็มรูปแบบ เช่นเดียวกับประเทศชั้นนำ เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ที่ได้มีการกำหนดนโยบายคลาวด์ดังกล่าว
ในอนาคตซึ่งเข้าสู่ยุคนิว นอร์มอล การผลักดันรัฐบาลดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบมีความสำคัญ โดยแต่ละประเทศต่างพยายามผลักดันรัฐบาลดิจิทัลเพื่อตอบสนองนโยบายโซเชียล ดิสแทนซิ่ง ซึ่งประเทศไทยมีความก้าวหน้าเป็นที่น่าพอใจจัดอยู่ในกลุ่มสูงมาก หรือ V1 เป็นครั้งแรกจากผลสำรวจรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์แห่งสหประชาชาติ ปี 2020 โดยยังมีโอกาสที่จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ และพัฒนาคลาวด์ของประเทศให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะการจัดทำโครงการอย่างจีดีซีซี ซึ่งเป็นแผนงานส่วนหนึ่งตามยุทธศาสตร์ของกระทรวงดีอีเอส
นางวรรณพร เทพหัสดิน ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) กล่าวว่า โครงการ GDCC ได้เปิดให้บริการแก่หน่วยงานภาครัฐตั้งแต่ระดับโครงสร้างพื้นฐาน ด้วยมาตรฐานการคัดแยกข้อมูลที่ออกแบบรองรับการนำข้อมูลมาบูรณาการในอนาคต ระหว่างหน่วยงานภาครัฐด้วยกัน รวมถึงระยะยาวที่จะสามารถต่อยอดการจัดการกับบิ๊กดาต้า พร้อมทั้งเปิดข้อมูลสำหรับข้อมูลบางส่วน เพื่อให้ภาคเอกชน ประชาชน หรือสตาร์ทอัปได้เข้าถึงและใช้ประโยชน์ข้อมูลเหล่านี้
นอกจากนี้ การพัฒนาและเปลี่ยนแปลงของรูปแบบคลาวด์ทั่วโลกมีอัตราการเติบโตของบริการคลาวด์ภาครัฐเติบโตเฉลี่ยที่ 13.4% ต่อปี สดช.จึงเร่งศึกษาความเป็นไปได้ในรูปแบบต่างๆ ของคลาวด์ที่เหมาะสมกับประเทศไทยที่จะสามารถนำระบบ GDCC ไปต่อยอดในอนาคต เพื่อบริการให้แก่หน่วยงานภาครัฐโดยคำนึงถึงความต่อเนื่องของการใช้งาน ความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพในการจัดเก็บข้อมูล
ทั้งนี้ ในปี 2563 โครงการ GDCC มีแผนดำเนินการด้านโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ให้สามารถรองรับการบริการได้อย่างน้อย 8,000 VM มีมาตรฐานการคัดแยกข้อมูล ป้องกันข้อมูลไม่ให้รั่วไหล ข้อมูลสำคัญต้องอยู่ภายในประเทศ ต้องมีการคุ้มครองข้อมูล และความปลอดภัยของข้อมูล มีระบบนำร่องการแชร์ข้อมูล มีการเปิดเผยข้อมูลร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐ โดยปี 2564 จะผลักดันการแชร์ข้อมูลให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยเฉพาะหน่วยงานหลัก และปี 2565 จะมีการพัฒนาแพลตฟอร์มด้วย
พ.อ.สรรพชัย หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า GDCC ออกแบบสอดคล้องต่อโครงสร้างภาครัฐเพื่อรองรับความต้องการการใช้งานต่างระดับด้วยร่างยุทธศาสตร์ ซึ่งให้ความสำคัญต่อการบูรณาการตั้งแต่ระดับโครงสร้างพื้นฐาน และจัดทำเป็นคลาวด์ 3 ระดับ ได้แก่ คลาวด์ระดับกระทรวง คลาวด์ระดับกรม และคลาวด์กลางภาครัฐ โดยหน่วยงานที่มีระบบคลาวด์มาตรฐานใช้งานอยู่แล้ว สามารถใช้ระบบคลาวด์ปัจจุบันของหน่วยงานเองต่อไปได้ แต่หากหน่วยงานใดไม่ต้องการลงทุนระบบ ก็สามารถมาใช้งาน GDCCได้ นอกจากนี้หากหน่วยงานใดที่มีความจําเป็นต้องใช้คลาวด์แบบเร่งด่วน หรือเป็นระบบสํารองก็สามารถมาใช้งาน GDCC ได้เช่นกัน