ไลน์ ประเทศไทย (LINE) อัดฉีดธุรกิจใหม่ในนามไลน์ไอดอล (LINE IDOL) หวังเป็นแพลตฟอร์มสำคัญให้อินฟลูเอนเซอร์ขยายฐานผู้ชม ล่าสุดประเดิมจับมือจับมือเทลสกอร์ (Tellscore) อินฟลูเอนเซอร์เอเจนซี่อันดับหนึ่งของประเทศไทย ปั้นกระแส Influencer Commerce ให้โตตามรอยอีคอมเมิร์ซ ระบุเฟสแรกตั้งเป้าเพิ่มจำนวนบทสนทนาของอินฟลูเอนเซอร์บนไลน์ก่อนจะเริ่มเฟส 2 ที่บทสนทนาจะเปลี่ยนเป็นยอดขายได้ช่วงปลายปีนี้ ย้ำไม่ได้หวังกำไรจากส่วนแบ่งการขาย แต่ต้องการดันให้ไลน์เป็นแพลตฟอร์มที่ให้ประโยชน์ทั้งแบรนด์ อินฟลูเอนเซอร์ และผู้บริโภค แย้มหากโครงการนำร่องที่ไทยสำเร็จ อาจมีการนำโมเดล Influencer Commerce นี้ไปต่อยอดกับผู้ใช้ไลน์ในประเทศอื่น
นายณธกฤต กาญจนมัณฑนา หัวหน้าฝ่ายการพาณิชย์ธุรกิจคอนเทนต์และสื่อ LINE ประเทศไทย กล่าวว่าไทยเป็นประเทศแรกที่ริเริ่มธุรกิจ LINE IDOL ถือเป็นครั้งแรกในโลกที่ไลน์ประกาศเปิดตัว Influencer Commerce ซึ่งเป็นรูปแบบใหม่ของการทำการตลาดผ่านอินฟลูเอนเซอร์ ด้วยฟีเจอร์บน LINE Ecosystem โดยไลน์ตัดสินใจร่วมมือกับเทลสกอร์ ผู้ให้บริการระบบบริหารจัดการอินฟูลเอนเซอร์ครบวงจรรายใหญ่ในประเทศไทย ซึ่งเตรียมส่งอินฟลูเอนเซอร์ที่มี 40,000 รายในมือเข้าร่วม คาดว่าจะทำให้ไลน์เป็นเครื่องมือการตลาดรูปแบบใหม่ ที่จะเป็นเทรนด์ของอนาคต
“สินค้าที่เหมาะกับ Influencer Commerce คือทุกประเภท เรียกว่าสินค้าทุกอย่างบนอีคอมเมิร์ซสามารถจบการขายในมายช็อปของไลน์ได้เลย รายได้การขายจะถูกแบ่งระหว่างไลน์ เทลสกอร์ และอินฟลูเอนเซอร์อย่างเป็นธรรมอยู่แล้ว ส่วนใหญ่อินฟลูเอนเซอร์ไม่เสียเปรียบ รายได้ไม่น้อยลงแต่อาจได้มากกว่าเดิมด้วย อยู่ที่บางกรณี”
ณธกฤตกล่าวว่าในประเทศไทย การตลาดผ่านอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer Marketing) ยังคงเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพ และเติบโตอย่างต่อเนื่อง LINE ในฐานะที่เป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมที่มีผู้ใช้งานคนไทยมากถึง 46 ล้านคน จึงเล็งเห็นโอกาสในการมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นแก่ผู้ใช้งาน ไม่เพียงแต่การสร้างสรรค์คอนเทนต์ดีมีคุณภาพจาก LINE IDOL ยังผนวกบริการและฟีเจอร์ต่างๆ ใน LINE Ecosystem โดยเฉพาะ MyShop ที่ครอบคลุมการทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซได้ทั้งกระบวนการ จัดเป็น Influencer Commerce Platform ที่จะสามารถเสริมศักยภาพการทำการตลาด และตอบโจทย์ทางธุรกิจของ
แบรนด์ อินฟลูเอนเซอร์ และผู้บริโภคได้อย่างลงตัวสำหรับทุกฝ่าย เป็นทางเลือกใหม่ที่นักการตลาดยุคใหม่ไม่ควรพลาด
แน่นอนว่าการโฟกัสที่ Influencer Commerce จะกระตุ้นทราฟฟิกการใช้งานฟีเจอร์บนแพลตฟอร์มไลน์ด้วย โดยก่อนหน้านี้ LINE ประเทศไทย ได้เปิดตัว LINE IDOL ให้เป็นช่องทางสื่อสารใหม่ที่ช่วยให้ดารา ศิลปิน และอินฟลูเอนเซอร์ ได้ใกล้ชิดกับแฟนคลับมากขึ้นด้วยการ Add Friend ผ่าน LINE Official Account และล่าสุดได้มีการขยายขอบเขตของ LINE IDOL ให้ครอบคลุมอินฟลูเอนเซอร์ที่หลากหลายยิ่งขึ้น ตั้งแต่ระดับ Macro Influencer (ผู้ติดตาม 100,000 คนขึ้นไป) จนถึงระดับ Micro Influencer (ผู้ติดตาม 500 คนขึ้นไป) ที่อยู่ในรูปแบบ Personal Account และมีผู้ติดตามบน Timeline
ทั้งหมดนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ไลน์เป็นพื้นที่ที่เหล่าอินฟลูเอนเซอร์ใช้สร้างสรรค์คอนเทนต์เพื่อสร้างความใกล้ชิดกันยิ่งขึ้นกับผู้ติดตาม
“เหตุผลที่ไลน์สนใจทำ Influencer Commerce คือการเจรจากับเทลสกอร์มานานหลายเดือน เมื่อพิจารณาว่าไลน์มีผู้ใช้จำนวนมาก และมีแพลตฟอร์มที่รองรับอินฟลูเอนเซอร์ได้ เช่น ฟีเจอร์ไทม์ไลน์ ออฟฟิเชียลแอคเคาท์ ไลน์จึงต้องการเป็นแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์อินฟลูเอนเซอร์และขายสินค้าได้ด้วย ทำให้อินฟลูเอนเซอร์มีรายได้ และแบรนด์ก็ขายสินค้าได้ สามารถปิดจ็อบการขายได้โดยที่ทุกคนมาเจอกันบนไลน์ เหตุที่เลือกจับมือกับเทลสกอร์เพราะเป็นรายใหญ่ที่สุดในไทย เมื่อคุยแล้วก็ออกแบบร่วมกัน เราเปิดโอกาสจำกัดจำนวนอินฟลูเอนเซอร์ เริ่มจากฐานข้อมูลของเทลสกอร์ก่อนที่มี 4 หมื่นราย ในจำนวนนี้น่าจะมาที่ไลน์ไม่ต่ำกว่า 500 คน”
ผู้บริหารไลน์ย้ำว่าไลน์คาดหวังให้โครงการนี้ช่วยให้ทุกผ่านมีพาร์ทเนอร์ที่ดี แล้วเติบโตต่อเนื่องไปด้วยกัน
“ปีนี้เราไม่ได้คาดหวังที่กำไร แต่ต้องการพัฒนาแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์อินฟลูเอนเซอร์ และเป็นเครื่องมือให้แต่ละคนไปถึงเป้าหมาย เป้าหมายการเติบโตของไลน์จึงเป็นการไปพร้อมกันกับแบรนด์”
ผู้บริหารไลน์ย้ำว่าไลน์คาดหวังให้โครงการนี้ช่วยให้ทุกผ่านมีพาร์ทเนอร์ที่ดี แล้วเติบโตต่อเนื่องไปด้วยกัน
“ปีนี้เราไม่ได้คาดหวังที่กำไร แต่ต้องการพัฒนาแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์อินฟลูเอนเซอร์ และเป็นเครื่องมือให้แต่ละคนไปถึงเป้าหมาย เป้าหมายการเติบโตของไลน์จึงเป็นการไปพร้อมกันกับแบรนด์”
สำหรับการจับมือกับเทลสกอร์ ความร่วมมือครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะยกระดับให้การทำการตลาดผ่านอินฟลูเอนเซอร์สามารถวัดผลได้แม่นยำ โดยเทลสกอร์จะเป็นกลไกสำคัญในการคัดเลือกอินฟลูเอนเซอร์ที่เหมาะกับแคมเปญ ซึ่งจากเดิม อินฟลูเอนเซอร์จะมีช่องทางหลักสำหรับทำตลาดสินค้าเฉพาะบนเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมเท่านั้น
นางสาวสุวิตา จรัญวงศ์ ประธานกรรมการบริหารและผู้ร่วมก่อตั้งเทลสกอร์กล่าวว่าแม้จะยังไม่มีสำนักใดเปิดเผยตัวเลขการสำรวจว่า Influencer Commerce เติบโตเท่าใด แต่สามารถอ้างอิงจากตัวเลขตลาดอีคอมเมิร์ซที่เติบโตมาก 25% ช่วงการระบาดของโควิด-19 ซึ่งเมื่อเป็นคอมเมิร์ชที่มีความเกี่ยวข้องกัน ก็สามารถสรุปได้ว่า Influencer Commerce จะมีทิศทางการเติบโตในลักษณะเดียวกัน
“เชื่อว่าแบรนด์ต้องการความช่วยเหลืออยู่แล้ว ทั้งฝั่งแพลตฟอร์มและอินฟลูเอนเซอร์ ความร่วมมือนี้จะทำให้อินฟลูเอนเซอร์เติบโตได้บนฐานผู้ใช้ไลน์ 46 ล้านคน จะ ทำงานง่ายขึ้น มีฐานผู้ฟังมากขึ้น และการสำรวจพบว่านักช็อป 87% ดูรีวิวตลอด ทำให้คอนเทนต์เรื่องรีวิวเป็นที่ต้องการมาก เนื่องจากผู้บริโภคมองว่ารีวิวน่าดูกว่าโฆษณา เพราะคอนเทนต์จากอินฟลูเอนเซอร์อบอุ่นกว่า เข้าใจผู้ชม และสม่ำเสมอ”
ไลน์ให้ข้อมูลว่ามูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซไทยเกี่ยวกับการช้อปปิ้งสินค้าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่คาดว่าจะพุ่งสูงขึ้นถึง 200,000 ล้านบาท ในปี 2563 นี้ หรือเติบโตกว่า 25% จากปีก่อนหน้า นั้นสอดคล้องกับการทำธุรกิจผ่าน LINE Official Account ที่เติบโตเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่ไม่เปิดเผยว่าเติบโตเป็นสัดส่วนเท่าใด.