ซัมซุง มั่นใจครองตลาดสมาร์ทโฟนช่วงราคาระดับกลาง 9,000 - 13,000 บาท ซึ่งกลายเป็นตลาดเดียวที่สามารถรักษาการเติบโตในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ได้ทั้งในประเทศไทย และทั่วโลกต่อเนื่อง พร้อมเผยมุมมองนักวิเคราะห์ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้วย Samsung Galaxy A51 ซึ่งมียอดขายดีที่สุดในช่วงต้นปีนี้
หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลาง ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตใกล้เคียงกับปีก่อน โดยปัจจัยความสำเร็จส่วนหนึ่งมาจากนวัตกรรม ที่ถูกนำเสนอเข้ามาในสมาร์ทโฟนเซกเมนต์นี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดึงดูดให้ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้น (Entry Segment) เริ่มหันมาอัปเกรดสู่สมาร์ทโฟนในระดับกลางมากขึ้น
แคโรไลนา มิลาเนซี นักวิเคราะห์จาก Creative Strategies ระบุว่า การนำเอาฟีเจอร์ระดับนวัตกรรมซึ่งก่อนหน้าจะอยู่ในสมาร์ทโฟนระดับแฟลกชิป มาใช้กับสมาร์ทโฟนในตระกูล Galaxy A ช่วยตอบโจทย์คนรุ่นใหม่และคนใช้มือถือแฟลกชิปตกรุ่น ซึ่งมีงบประมาณจำกัด
ในอดีตที่ผ่านมา สมาร์ทโฟนระดับกลางมักจะถูกออกแบบให้มีความใกล้เคียงกับรุ่นแฟลกชิป เพียงแต่มีการดาวน์เกรดฟีเจอร์ต่างๆ ให้อยู่ในระดับราคาที่คนส่วนใหญ่สามารถเข้าถึงได้ ด้วยเหตุนี้สมาร์ทโฟนที่ถูกนำเสนอสู่ตลาดอาจไม่ใช่สิ่งที่ผู้บริโภคกำลังมองหา เนืองจากส่วนหนึ่งเลือกใช้สมาร์ทโฟนแฟลกชิปตกรุ่นหรือเครื่องมือสอง
มิลเลนเนียลและ Gen Z ที่ยังไม่สามารถเข้าถึงสมาร์ทโฟนรุ่นแฟลกชิปได้ นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ผลักดันความสำเร็จของ Galaxy A ในตลาดโลก จนซัมซุงได้ส่งสมาร์ทโฟนซีรีส์นี้สู่ตลาดโลกอีกหลายรุ่นในปีต่อๆ มา รวมไปถึงการเปิดตัวสมาร์ทโฟน 5G ระดับ Mid-tier สองรุ่นล่าสุด คือ Galaxy A51 5G และ Galaxy A71 5G
สมาร์ทโฟน 5G ทั้งสองรุ่น จะมีบทบาทสำคัญในการขยายตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลางให้โตขึ้นในปีนี้ เนื่องจากความพยายามผลักดัน 5G ของผู้ให้บริการเครือข่ายให้ไปถึงผู้ใช้งานทุกๆ เซกเมนต์ รวมทั้งพฤติกรรมการจับจ่ายของผู้บริโภคในปีนี้ที่มีความระมัดระวังมากขึ้น
ขณะเดียวกันเมื่อตัวเครื่องสามารถรองรับเทคโนโลยี 5G ย่อมหมายถึงผู้ใช้งานจะสามารถใช้งานสมาร์ทโฟนเครื่องนั้นได้อีก 4-5 ปี โดยไม่ต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่ และมีโอกาสตีตลาดสมาร์ทโฟนสำหรับองค์กรได้อีกด้วย เนื่องจากสมาร์ทโฟนของซัมซุงมีข้อได้เปรียบในด้านแพลตฟอร์มความปลอดภัยอย่าง Knox ที่สนับสนุนการทำงานของ Enterprise Software ต่างๆ ได้ดีเยี่ยม
