การเปิดตัวไอโฟนใหม่ iPhone SE ปี 2020 ทำให้สินค้ากลุ่มสมาร์ทโฟนของแอปเปิล (Apple) มีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 14,900-35,900 บาท ยังมี iPhone 11 Pro Max ที่ราคาทะลุ 39,900 บาทไปจบที่ 52,900 บาท
ความต่างกันมากทำให้ชัดเจนว่าแต่ละรุ่นมีจุดยืนไม่เหมือนกัน นอกจากราคาของ iPhone SE ใหม่ที่เด่นกว่าใคร ยังมี iPhone XR ที่เหมาะกับคนชอบเลือกสีสันสดใส ขณะที่ iPhone 11 ครองแชมป์รุ่นที่แบตทนที่สุด แต่ทุกรุ่นต้องหลบให้ iPhone 11 Pro ที่เป็นแชมป์เรื่องกล้องและหน้าจอที่ดีที่สุด
iPhone SE ใครปันใจจงกลับมา
สรุปสั้นที่สุดคือสมาชิกใหม่ตระกูล iPhone คือรุ่นราคาถูกที่สุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของ Apple แม้จะมีภาพลักษณ์เก่า แต่ iPhone SE ใหม่มีพลังเทียบเท่ากับรุ่นอื่นในกลุ่ม iPhone 11 เพราะใช้โปรเซสเซอร์ A13 และมีหน่วยความจำ 64GB สามารถเลือกพื้นที่เก็บข้อมูลเป็น 128GB หรือ 256GB ในราคาที่แพงขึ้นหลักพัน
หน้าจอ 4.7 นิ้วเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ไม่ติดกับโทรศัพท์จอใหญ่ ด้านหลังมีกล้อง 12 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายภาพบุคคลในโหมดแฟนซีได้เหมือน iPhone รุ่นแพงกว่า และบันทึกวิดีโอได้ 4K กล้องหน้า 7 ล้านพิกเซล สิ่งสำคัญที่ขาดคือการถ่ายภาพในโหมดกลางคืน เพราะฟีเจอร์นี้สงวนไว้สำหรับกลุ่ม iPhone 11 เท่านั้น
“SE รุ่น 2” ชาร์จแบบไร้สาย และชาร์จได้เร็ว 18W ผ่านอะแดปเตอร์ ตัวเครื่องทำจากอลูมิเนียมและกระจกมาตรฐาน IP67 กันน้ำและกันฝุ่น เลือกได้ทั้งสีดำ สีขาว หรือสีแดง
โทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดของ Apple เหมาะสำหรับวัยรุ่น หรือคนที่เบื่อเซ็งกับราคาสมาร์ทโฟนสูงลิ่ว Apple จะเริ่มพรีออเดอร์วันศุกร์ที่ 17 เมษายนนี้ เริ่มจัดส่งวันที่ 24 เมษายน
iPhone XR สีเยอะที่สุด iPhone 11 แบตอึดที่สุด
iPhone XR เปิดตัวในปี 2018 พร้อมกับ iPhone XS ซึ่งหลังจากเปิดตัวรุ่นใหม่ Apple ยังเก็บ iPhone XS ไว้โดยลดราคาลงเหลือ 21,900 บาท
XR มี 6 สีให้เลือก คือขาว ดำ น้ำเงิน เหลือง ส้มปะการัง และสีแดง ตัวเลือกพื้นที่เก็บข้อมูลเริ่มที่ 64GB หรือ 128GB ราคาสูงสุดของรุ่นนี้คือ 23,900 บาท
จอแสดงผลขนาด 6.1 นิ้วนั้นมีรอยบากที่ด้านบน ซึ่งเป็นพื้นที่ติดกล้อง True Depth ให้ระบบ Face Unlock ได้ทำงาน รุ่นนี้ป้องกันฝุ่นและน้ำมาตรฐาน IP67 ซึ่งหมายความว่าจะอยู่รอดได้ในน้ำลึก 30 นาที ที่ความลึกสูงสุด 1 เมตร
ด้านหลังของ XR เป็นกล้องขนาด 12 ล้านพิกเซลตัวเดียว บันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุด 4K เหมือน iPhone SE
หากมองที่ราคา iPhone XR อยู่ตรงกลางของ iPhone SE และ iPhone 11 การจะประหยัด 6,000 บาท หรือจะเพิ่มเงินอาจอยู่ที่ประเด็นความชอบสีสันสดใสก็ได้ แต่ควรท่องไว้ว่ารุ่นนี้ใช้ชิป A12 Bionic
แต่ถ้าใครต้องการเลือกรุ่นที่อายุการใช้งานแบตเตอรี่ดีที่สุด ต้องมองที่ iPhone 11 ราคาเริ่มต้น 24,900 บาทการันตีว่า iPhone 11 ใช้หน่วยประมวลผลเดียวกับ iPhone 11 Pro ทำให้เร็วและมีความสามารถใกล้กัน
หน้าจอ LCD ขนาด 6.1 นิ้วของ iPhone 11 แม้จะไม่คมชัดเหมือนหน้าจอ iPhone 11 Pro แต่ก็ไม่ได้แย่ 6 สีที่มีให้เลือกก็สนุกสนานไม่แพ้ iPhone XR คือสีขาว สีดำ สีเขียว สีเหลือง สีม่วง หรือสีแดง
ด้านหลังของ iPhone 11 มีกล้องหน้า 2 ตัว กล้องมุมกว้างพิเศษช่วยให้สามารถซูมภาพหรือวิดีโอได้ดีกว่ารุ่นกล้องหลังตัวเดียว ระดับมาตรฐานกันน้ำ IP68 จัดให้ไอโฟนแช่น้ำได้ลึก 2 เมตรนาน 1 ชั่วโมง กลายเป็นว่า iPhone 11 คือรุ่นส่วนใหญ่ที่คนใช้งานเพราะไม่แพงเกินไปและไม่จำเป็นต้องทิ้งฟีเจอร์หลายจุดเพื่อประหยัดเงิน
iPhone 11 Pro กล้องและจอไร้เทียมทาน
ความเด่นของ iPhone 11 Pro และ 11 Pro Max คือทั้ง 2 รุ่นนี้มีอาร์เรย์กล้อง 3 ชั้นที่กล้องหลัง ขณะที่จอแสดงผล OLED คมชัดตระการตา
กล้อง 2 ตัวของ iPhone 11 Pro เหมือนกับรุ่น iPhone 11 คือเลนส์กว้างและกว้างพิเศษ แต่ 11 Pro จะมีเลนส์เทเลโฟโต้ ทำให้การซูมทำได้ดีแม้กล้องทั้งหมดจะมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซลเหมือนกันหมด
11 Pro มีหน้าจอ 5.8 นิ้ว ในขณะที่หน้าจอ 11 Pro Max มีขนาด 6.5 นิ้ว คุณสมบัติจอของทั้ง 2 รุ่นเป็นแบบ Super Retina XDR OLED ให้ภาพที่ดูคมชัดขึ้นด้วยสีที่สว่างกว่าและสีดำที่เข้มกว่า
การกันน้ำและฝุ่นของ iPhone 11 Pro ได้มาตรฐาน IP68 เท่ากับ iPhone 11 แต่ iPhone 11 Pro ตั้งราคา 35,900 บาทแลกกับหน้าจอ 5.8 นิ้ว โดยขยับราคาเป็น 39,900 บาทให้ iPhone 11 Pro Max ที่มีหน้าจอ 6.5 นิ้ว
ความแตกต่างระหว่าง iPhone 11 และ 11 Pro เรื่องกล้องและจอแสดงผล ทำให้กลุ่มคนรักการถ่ายภาพและคนชอบเทคโนโลยีใหม่เลือก iPhone 11 Pro แบบไม่ต้องคิดมาก ทั้งหมดนี้ย้ำชัดว่าไอโฟนแต่ละรุ่นมีจุดเด่นและด้อยที่ต่างกันไป ดังนั้นจงตัดสินใจแล้วเลือกรุ่นที่ใช่สำหรับตัวเอง.