ในช่วงเวลาที่คนหลายล้านคนต้องเผชิญกับมาตรการล็อกดาวน์ Ablo แอปไลฟ์วิดีโอแชตได้รับความสนใจและถูกใช้เป็นช่องทางเชื่อมต่อผู้ใช้งานในหลายประเทศ ล่าสุด Ablo ระบุว่ามีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น 20% ขณะที่จำนวนข้อความบนแพลตฟอร์มก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น 50% หลังประเทศต่าง ๆ ได้เริ่มใช้มาตรการเว้นระยะทางสังคม
จูสต์ โรแลนด์ (Joost Roelandts) ซีอีโอของ Ablo กล่าวถึงแนวคิดการสร้าง Ablo ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มช่วยผู้ใช้งานทั่วโลกสร้างมิตรภาพใหม่ข้ามพรมแดน และในยุคแห่งการเว้นระยะทางกาย Ablo จึงตระหนักดีว่าการเชื่อมต่อทางสังคมมีความสำคัญมาก โดยบอกเป้าหมายว่า Ablo จะเดินหน้าสร้างชุมขนทั่วโลก
“ด้วย Ablo เราจะเสริมสร้างชุมชนของเราเพื่อเดินหน้าสำรวจโลกและเชื่อมต่อถึงกัน ผ่านประสบการณ์และเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เราทั้งหลายมีร่วมกัน”
Ablo เปิดตัวเมื่อช่วงต้นปี 2019 โดยเปิดโอกาสให้ผู้คนได้เริ่มการสนทนา แบ่งปันเรื่องราวของตนเอง และสร้างมิตรภาพใหม่ทั่วโลก ตัวแอปจะแปลข้อความและวิดีโอคอลอัตโนมัติแบบเรียลไทม์ ส่งผลให้ผู้ใช้งานพูดคุยแบบตัวต่อตัวได้กับทุกคนในทุกภาษา ส่งผลให้ Ablo ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
และเมื่อปีที่ผ่านมา Google ได้ประกาศให้ Ablo เป็น “แอปยอดเยี่ยม” แห่งปี 2019 ด้วยเหตุผลที่ว่าแอปนี้ช่วยสร้างการเชื่อมต่ออันเหลือเชื่อ ทั้งยังสนับสนุนให้ผู้คนเปิดใจเรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ ด้วย
ที่ผ่านมานั้น หัวข้อยอดนิยมบนแอป Ablo มักเกี่ยวข้องกับกิจวัตรประจำวัน ทว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาและมาตรการเว้นระยะทางสังคมได้เข้ามาจับจองพื้นที่การพูดคุยในช่วงนี้ แอปนี้เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วโลกได้เชื่อมต่อถึงกัน เพื่อแบ่งปันสิ่งที่พวกเขากำลังเผชิญและแนวทางรับมือกับการกักกันตัว Ablo มีจำนวนผู้ใช้งานมากมายในแต่ละประเทศทั่วโลกหลังมีมาตรการล็อกดาวน์
นับตั้งแต่ที่มณฑลหูเป่ย์ของจีนได้ประกาศล็อกดาวน์เมื่อวันที่ 23 มกราคม จำนวนข้อความที่ถูกส่งก็ทะยานขึ้นถึง 120% และเมื่อประเทศอิตาลีประกาศล็อกดาวน์ จำนวนข้อความที่ส่งจากอิตาลีก็เพิ่มขึ้นถึง 41% และนับตั้งแต่ที่ประเทศสเปนได้ทำการล็อกดาวน์ ชาวสเปนก็ส่งข้อความถึงผู้คนทั่วโลกเพิ่มขึ้นถึง 31%
