เสียวหมี่ (Xiaomi) ใช้เวทียุโรป เปิดตัวสมาร์ทโฟนในตระกูล Mi 10 ประกอบไปด้วย Mi 10, Mi 10 Pro ซึ่งเป็นรุ่นแฟลกชิปเน้นประสิทธิภาพเครื่องและกล้องถ่ายภาพ ส่วน Mi 10 Lite ออกมาเพื่อจับกลุ่มผู้ที่ต้องการสมาร์ทโฟน 5G ราคาเข้าถึงได้ หลังจากเปิดตัวในประเทศจีนไปช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
สำหรับ Mi 10 และ Mi 10 Pro จะมากับหน่วยประมวลผล Qualcomm Snappdragon 865 ที่มากับชิปเซ็ต 5G Snapdragon X55 มีขนาดหน้าจอ 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ ที่มีการแสดงผลแบบ 90 Hz รองรับ HDR+
โดยทั้ง 2 รุ่นใช้กล้องหลังเลนส์หลักเหมือนกันคือ 108 ล้านพิกเซล โดยใน Mi 10 Pro จะเสริมด้วยเลนส์มุมกว้าง 20 ล้านพิกเซล และเลนส์เทเลโฟโต้คู่ 8 + 12 ล้านพิกเซล เพื่อช่วยให้สามารถซูมภาพได้ถึง 50 เท่า
ส่วน Mi 10 จะมากับเลนส์มุมกว้าง 13 ล้านพิกเซล พร้อมเลนส์มาโคร 2 ล้านพิกเซล และเลนส์วัดระยะ 2 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องหน้าเป็นแบบเจาะรูความละเอียด 20 ล้านพิกเซล
เสียวหมี่ ให้เหตุผลที่เลือกใช้กล้องหน้าอยู่ที่มุมซ้ายบนของจอ เนื่องจากเวลาปรับมาใช้งานสมาร์ทโฟนในแนวนอน นิ้วมือจะบังบริเวณกล้องไปโดยปริยาย ทำให้ได้ประสบการณ์ใช้งานดีที่สุด
นอกจากนี้ ยังนำเสนอการถ่ายภาพวิดีโอระดับ 8K ที่ช่วยให้เก็บรายละเอียดภาพได้ชัดเจนมากขึ้น ตามด้วยเรื่องของลำโพงคู่ ที่ให้มาขนาดเท่ากันเพื่อให้ได้เสียงจากทางซ้ายและขวาเวลาใช้งานเครื่องในแนวนอนเท่ากัน
ในส่วนของแบตเตอรี Mi 10 มากับแบตเตอรีขนาด 4780 mAh รองรับการชาร์จไวทั้งไร้สาย และมีสายที่ 30W ส่วน Mi 10 Pro แบตเตอรีขนาด 4500 mAh รองรับการชาร์จแบบมีสาย 50W และไร้สาย 30W โดยในกล่องของ Mi 10 Pro จะให้อะเดปเตอร์ 65W เผื่อนำไปใช้กับอุปกรณ์อื่นด้วย
ทั้งนี้ Mi 10 และ Mi 10 Pro ประกาศราคาวางจำหน่ายในยุโรปไว้ที่ 799 ยูโร หรือราว 29,000 บาท และ 999 ยูโร หรือราว 36,300 บาท ตามลำดับ ซึ่งถือเป็นราคาที่ค่อนข้างสูง จากการเลือกใช้หน่วยประมวลผลอย่าง Snapdragon 865
อีกรุ่นที่ออกมาเพื่อจับกลุ่มผู้ที่ต้องการใช้งาน 5G ในช่วงระดับราคาหมื่นต้นๆ คือ Mi 10 Lite 5G ที่มากับหน่วยประมวลผล Snapdragon 765G ขนาดหน้าจอ 6.57 นิ้ว โดยลดสเปกกล้องหลักลงมาเป็น 48 ล้านพิกเซล วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 349 ยูโร หรือประมาณ 13,000 บาท
นอกจากนี้ Xiaomi ยังมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในอีโคซิสเตมส์อย่าง Mi Air Purifier 3H ที่วางจำหน่ายในประเทศไทยไปก่อนหน้านี้แล้ว เช่นเดียวกับ Mi AIoT Router AX3600 โดยอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจคือ แอนดรอยด์ทีวร Mi TV 4S 65" ที่ให้จอความละเอียด 4K ในราคาประมาณ 20,000 บาท