xs
xsm
sm
md
lg

เอเซอร์รับไวรัสโคโรนาทำป่วน มั่นใจตลาดไม่ซึมยาว

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


จากซ้าย สุพงศ์ ตั้งตรงเบญจศีล, อลัน เจียง และนิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ
เอเซอร์ยอมรับ ได้รับผลกระทบจากวิกฤติไวรัสโคโรนาแพร่กระจาย เพราะสายการผลิตชิ้นส่วนหลักอยู่ในประเทศจีน แต่บริษัทยังสามารถบริหารจัดการได้ผ่านแหล่งผลิตหรือ ODM ที่เอเซอร์มีในประเทศอื่นเช่นอินเดีย ฟิลิปปินส์ และไต้หวันซึ่งสามารถผลิตทดแทนกันได้ คาดผลกระทบจะเห็นชัดในช่วงไตรมาสแรกของปี 63 แต่ไตรมาส 2 จะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ในภาพรวม

นายอลัน เจียง กรรมการผู้จัดการ ประจำประเทศไทย และภูมิภาคอินโดไชน่า บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวในงานแถลงกลยุทธ์ Dual Transformation ที่บริษัทจะดำเนินการจริงจังในปี 2563 ว่าไม่ใช่เฉพาะเอเซอร์ แต่ไวรัสโคโรนานั้นส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมไอทีโดยรวม เบื้องต้นผู้บริหารเชื่อว่าสถานการณ์กำลังดีขึ้นต่อเนื่อง เพราะจีนเริ่มอนุญาตให้ผู้คนออกมาทำงาน มีบริการรถขนส่งสาธารณะ เพิ่มความมั่นใจว่ารัฐบาลจีนจะแก้ปัญหาได้เร็ว ทำให้ผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นไม่ร้ายแรงเกินไป

“ความท้าทายที่สุดของเอเซอร์ในปีนี้คือโคโรนาไวรัส เราพยายามลดผลกระทบให้เหลือน้อยที่สุด”

สำหรับสินค้าเอเซอร์ที่วางจำหน่ายในไทย ผู้บริหารระบุว่าสินค้าในไตรมาสแรกนั้นถูกวางแผนมาขึ้นแต่ไตรมาส 4 ปีที่แล้ว เช่นเดียวกับแผนการตลาดที่วางแผนไว้ก่อนล่วงหน้า สินค้าเหล่านี้ถูกผลิตโดยบริษัท ODM ที่ไม่ได้อยู่ในประเทศจีน ผลกระทบจึงไม่สูง โดยหากมองที่งานอีเวนท์ในตลาดไอทีไทย พบว่าสินค้าไอทียังเป็นที่ต้องการ บวกกับยอดขายหน้าร้านที่ค่อนข้างดี ทำให้ชัดเจนว่าไวรัสโคโรนาไม่มีผลให้ความต้องการในตลาดไอทีลดลง

ที่ผ่านมา พิษไวรัสโคโรนาทำให้เอเซอร์ ฟิลิปปินส์ ตัดสินใจเลื่อนการจัดงานแกรนด์ไฟนัล เอเชีย แปซิฟิก พรีเดเตอร์ ลีก 2020 ออกไปจากกำหนดการเดิมคือมีนาคม 63 เป็นมิถุนายน 63 ขณะเดียวกันก็ยกเลิกการเปิดตัวสินค้าใหม่ที่เคยวางกรอบเวลาเปิดตลาดช่วงมีนาคม 63 เนื่องจากสินค้าผลิตไม่ทัน โดยแผนการทำตลาดและกิจกรรมอื่นยังมีกำหนดจัดงานเหมือนเดิม

แท็บเล็ตในภาพนั้นเป็นสินค้าตระกูล Acer Enduro โปรดักส์ใหม่ที่เอเซอร์เตรียมเปิดตัวเร็วๆ นี้ด้วยคุณสมบัติทนทานเหมาะกับการทำงานสุกสภาพอากาศ
เบื้องต้น เอเซอร์ยังไม่ประเมินความเสียหายจากวิกฤติไวรัสโคโรนา แต่มองว่าสถานการณ์เลวร้ายที่สุดคือผลกระทบกับสายการผลิตในจีนซึ่งกินสัดส่วนราว 30% เท่านั้น

นอกจากความท้าทายเรื่องไวรัสระบาด ประเด็นอื่นที่เอเซอร์มองคือการสื่อสารให้ตลาดทราบว่าเอเซอร์กำลังเปลี่ยนจุดยืนจากบริษัทผู้จำหน่ายสินค้าคอนซูเมอร์ไปเป็นบริษัทด้านโซลูชัน สำหรับภาวะงบประมาณภาครัฐที่กำลังมีปัญหาล่าช้านั้น เอเซอร์มองว่าเป็นผลในระยะสั้นซึ่งอาจต้องแก้ปัญหาด้วยการวางแผนระยะยาวที่ไม่ได้ท้าทายเป็นพิเศษ เช่นเดียวกับปัญหากำลังซื้อในตลาด ผู้บริหารมองว่ายังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าไวรัสโคโรนาทำให้ความต้องการสินค้าไอทีหดหาย ซึ่งหากรัฐบาลจีนแก้ปัญหาได้เร็ว ก็เชื่อว่าตลาดจะไม่ซึมยาว

ทั้งนี้ กลยุทธ์ Dual Transformation ที่เอเซอร์แถลงว่าจะดำเนินการจริงจังในปี 2563 นั้นเป็นแนวคิดการทำธุรกิจให้สอดคล้องกับเทรนด์ เทคโนโลยี ความต้องการของผู้ใช้งานในช่วง 10 ปีข้างหน้า โดยเอเซอร์แบ่งกลยุทธ์นี้ออกเป็น 2 ขาได้แก่ Transformation A ที่เอเซอร์จะร่วมกับพาร์ทเนอร์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชันรวมถึงบริการให้ผู้บริโภค จนเกิดเป็นธุรกิจใหม่ ขณะที่ Transformation B คือธุรกิจคอนซูเมอร์ที่เอเซอร์จะบุกผ่าน 3 แบรนด์ย่อยในปีนี้คือ Acer ที่เน้นผู้ใช้โน้ตบุ๊กบางเบาคุณสมบัติหลากหลาย, Predator แบรนด์ที่หวังตอบโจทย์เกมเมอร์ และ ConceptD แบรนด์สำหรับครีเอเตอร์ ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งนอกจาก 3 แบรนด์นี้ ยังมี Acer Enduro โปรดักส์ใหม่ที่เอเซอร์เตรียมเปิดตัวเร็วๆ นี้ด้วยคุณสมบัติทนทานเหมาะกับการทำงานสุกสภาพอากาศ

Acer เป็นแบรนด์ดั้งเดิมที่เน้นกลุ่มผู้นิยมเครื่องบางเบาทำงานได้หลากหลาย ขณะที่ Predator เป็นแบรนด์เน้นตอบโจทย์เกมเมอร์
นายนิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กล่าวถึงส่วน Transformation A ว่าธุรกิจเอนเทอร์ไพรส์ของเอเซอร์ คือการเป็นผู้จำหน่ายระบบโซลูชันเพื่อหน่วยงานการศึกษาเป็นหลัก เนื่องจากเป็นเซ็กเมนต์ตลาดที่เอเซอร์มีฐานลูกค้าแน่นอยู่แล้ว ขณะเดียวกันองค์กรศึกษาก็มีงบประมาณสำหรับทำการวิจัยเพื่อชุมชน ทำให้เอเซอร์มั่นใจว่าจะบุกหนักตลาดโซลูชันเพื่อสถาบันการศึกษาเต็มที่ในปีนี้

หนึ่งในโซลูชันที่จะถูกนำร่องชัดเจนคือชุดหุ่นยนต์จิ๋วที่เอเซอร์และพันธมิตรจะนำไปให้บริการโรงเรียนประถมศึกษาในฐานะหลักสูตรการเรียนการสอนด้าน วิทยาศาสตร์ (Science), เทคโนโลยี (Technology), วิศวกรรมศาสตร์ (Engineering), ศิลปะ (Arts) และคณิตศาสตร์ (Mathematics) หรือ STEAM ยังมีโซลูชันที่ช่วยให้สถาบันการศึกษาสามารถเปิดการเรียนการสอนด้านระบบ AI ได้เร็วขึ้นบนงบประมาณที่จำกัด รวมถึงโซลูชันด้านการเป็นโรงเรียนอัจริยะเพื่อความปลอดภัย และโซลูชันชุดเซนเซอร์ที่มหาวิทยาลัยจะสามารถนำไปใช้เป็นตัวรับข้อมูลในโครงการวิจัยในชุมชนได้

ทั้งหมดนี้ เอเซอร์วางเป้าหมายปรับสัดส่วนรายได้จากปัจจุบันที่ธุรกิจคอนซูเมอร์ทำเงินสะพัดในเอเซอร์ราว 70% และอีก 30% เป็นรายได้จากธุรกิจโซลูชัน แต่ในช่วง 5-10 ปีข้างหน้า เอเซอร์วางเป้าหมายให้สัดส่วน 2 ธุรกิจนี้ขยับเป็น 50% เท่ากัน เพื่อขยายส่วนแบ่งรายได้จากตลาดโซลูชันให้ได้ในวันที่ตลาดพีซีคงที่ต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 5 ปี

นายสุพงศ์ ตั้งตรงเบญจศีล รองผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจค้าปลีก กล่าวว่าปัจจุบัน เอเซอร์มีส่วนแบ่งในตลาดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กสำหรับคอนซูเมอร์ราว 31% คิดเป็นอันดับ 1 ในตลาดไทย อย่างไรก็ตาม ภาพรวมตลาดพีซีไทยนั้นเติบโตเพียง 3% ตลาดรวมคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กเติบโต 7.5% ขณะที่ตลาดเดสก์ท็อปหดตัวลง 1% สถิติเหล่านี้ทำให้เอเซอร์ต้องหาทางหนีทีไล่ เพื่อให้บริษัทยังสามารถเพิ่มเม็ดเงินรายได้ในวันที่ตลาดพีซีทรงตัว.


กำลังโหลดความคิดเห็น