เวสต์เทิร์นดิจิทัล (WD) ระบุปี 2020 ราคาแฟลชสตอเรจปีนี้จะเพิ่มขึ้นราว 20% ผลจากภาวะความต้องการล้นจนสินค้าเริ่มขาดตลาดตั้งแต่ธันวาคม 2019 ยอมรับราคาเพิ่มเป็นประโยชน์กับ WD เพราะจะมีงบวิจัยและพัฒนามากขึ้น แย้มปีนี้โฟกัสตลาดเกมเมอร์มากขึ้น มั่นใจ 5G และ IoT ดันตลาดสตอเรจไทยโตต่อเนื่อง
นายสเตฟาน มันด์ล รองประธานฝ่ายขาย บริษัท เวสเทิร์น ดิจิตอล ระบุว่าสินค้าที่ WD จะเปิดตัวในปีนี้จะเน้นความหลากหลายและการเจาะเซกเมนต์เกมโดยเฉพาะ โดยไทยถูกจัดเป็นตลาดอันดับที่ 20 ของโลกที่ทำรายได้จากสินค้าเกมมากที่สุด ทำให้ WD วางแผนว่าปีนี้จะมีสินค้าใหม่ที่โฟกัสกลุ่มเกมเป็นหลัก
“เกมเป็นเซกเมนต์สำคัญทั้งกับแบรนด์ WD และ Sandisk เห็นชัดจากรุ่น SN750 ที่มีแนวโน้มดีมาก ไทยถือเป็นตลาดสำคัญที่มีส่วนแบ่งตลาดเติบโตสูง เป้าหมายหลักที่เราวางในปีนี้คือการเพิ่มประสิทธิภาพสินค้า เพื่อให้เป็นทางเลือกที่มากขึ้นแก่ผู้ใช้ทุกกลุ่มรวมถึงกลุ่มเกมเมอร์”
สเตฟานย้ำว่าปีนี้ราคาหน่วยความจำแฟลชสตอเรจจะเพิ่มขึ้น 20% สาเหตุเพราะภาวะดีมานด์สูงกว่าซัปพลาย ทำให้การผลิตแฟลชสตอเรจเกิดขาดตลาด ภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงกลายเป็นสัญญาณที่เห็นชัดในช่วงธันวาคมที่ผ่านมา ความต้องการที่เปลี่ยนไปจะส่งให้ชาวดิจิทัลได้เห็นราคาแฟลชสตอเรจที่เพิ่มขึ้นราว 20% ในปีนี้
“การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เราเด่นกว่าคู่แข่ง เพราะ WD เป็นผู้ผลิตครบวงจรที่สามารถตอบโจทย์ตลาดได้มากกว่าผู้ผลิตหรือซัปพลายเออร์ทั่วไป”
ด้านมากาเร็ต โคห์ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย ประจำภูมิภาคเอเชียใต้ บริษัท เวสเทิร์น ดิจิตอล ยอมรับว่าภาวะแฟลชสตอเรจราคาพุ่งนี้เป็นครั้งแรกในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เพราะปี 2019 ราคาแฟลชสตอเรจอยู่ในระดับปกติ นั่นคือการผลิตที่สูงกว่าความต้องการ
“ราคาที่เพิ่มขึ้นเป็นประโยขชน์กับ WD ที่จะสามารถลงทุนได้มากขึ้น ทำให้สามารถพัฒนาสินค้าที่ดีขึ้นเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคได้มากขึ้น”
สำหรับสถานการณ์ค่าเงินบาทแข็ง ผู้บริหาร WD มองว่าผู้บริโภคจะได้รับผลดีจากภาวะนี้ เนื่องจากราคาสินค้านำเข้าลดลงต่ำกว่าเดิม ในภาพรวม บริษัทไม่ได้รับผลกระทบเนื่องจากเป็นผู้ผลิตสินค้าโดยตรง การไม่ได้พึ่งพาการนำเข้าสินค้า ทำให้บริษัทสามารถบริหารจัดการได้ดี เช่นเดียวกับทุกครั้งที่เกิดภาวะเงินบาทแข็งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ผู้บริหาร WD ระบุว่าแนวทางการโฟกัสในปีนี้จะเน้นที่ทุกกลุ่มที่ต้องการใช้สตอเรจ สำหรับปี 2020 ผู้บริหารประเมินว่าตลาดสตอเรจปีนี้จะเติบโตได้ดีมาก โดยเฉพาะ 5G ที่กำลังจะเกิด และการใช้งานอุปกรณ์ IoT ที่แพร่หลาย ทั้งหมดนี้ล้วนเสริมให้มีการใช้สตอเรจมากขึ้น.