xs
xsm
sm
md
lg

จับจุด 5 เทรนด์โซเชียลมีเดียปี 2020

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


จอห์น แวกเนอร์
เฟซบุ๊ก (Facebook) การันตีปี 2020 เป็นทศวรรษแห่งการเปลี่ยนแปลงจนการประกอบธุรกิจแบบดั้งเดิมทั่วโลกถูกพลิกโฉมไปโดยสิ้นเชิง ตั้งแต่การเริ่มต้นธุรกิจ การตลาด ไปจนถึงการสร้างธุรกิจให้เติบโต ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นเด่นชัดในเอเชีย เนื่องจากทุกประเทศล้วนมีอัตราการเติบโตของการใช้อินเทอร์เน็ตบนมือถือแบบก้าวกระโดด ส่งผลให้เศรษฐกิจในแถบนี้เติบโตเร็วมากที่สุดอีกภูมิภาคหนึ่งในโลก

จอห์น แวกเนอร์ ผู้อำนวยการบริหาร Facebook ประเทศไทย มองว่าปรากฏการณ์ที่ชายหนุ่มภาคใต้ของไทยหันมาขายอาหารทะเลผ่านไลฟ์สตรีมมิ่ง และธุรกิจจำหน่ายขนมเทมเป้ที่เปิดช้อปบน Instagram เฉพาะ รวมถึงแพลตฟอร์มด้านการศึกษาที่ให้บริการการเรียนการสอนออนไลน์ได้ทั้งในและนอกประเทศได้อย่างไม่มีข้อจำกัด ล้วนเป็นตัวอย่างของธุรกิจต้นแบบที่แจ้งเกิดจากการใช้นวัตกรรมได้เหนือชั้นอย่างที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน

“ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจระดับมหภาค ความคาดหวังของผู้บริโภคที่มีต่อประสบการณ์จากแบรนด์และธุรกิจมีการผันเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราเห็นว่าผู้คนเปิดใจรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ก่อนภาคธุรกิจด้วยซ้ำ ซึ่งพฤติกรรมนี้ส่งผลต่อวิธีการค้นหา การศึกษาข้อมูล และการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคในท้ายที่สุดเช่นกัน”

จากรายงานของบริษัทที่ปรึกษาชั้นนำระดับโลกอย่างแมคคินซี (McKinsey) มีการคาดการณ์ว่าเอเชียจะเป็นภูมิภาคที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงเกินกว่าครึ่งหนึ่งของจีดีพีโลก เนื่องจากทิศทางการค้าการลงทุนข้ามพรมแดนทั่วโลกจะเคลื่อนย้ายมาทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย รายงานนี้ยังสะท้อนให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลง
ภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจอาจเปลี่ยนกระแสโลกาภิวัตน์ไปสู่กระแสภูมิภาคนิยมได้ โดย 60% ของการซื้อขายสินค้าที่ผลิตโดยประเทศในเอเชียนั้นเกิดขึ้นภายในภูมิภาค

นอกจากนี้ 71% ของการลงทุนในสตาร์ทอัปในเอเชียยังถือเป็นการลงทุนระหว่างภูมิภาค ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวเอเชียนั้นนิยมเดินทางท่องเที่ยวในเอเชีย คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 74%

“เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้บน Facebook ซึ่งทุกวัน มีผู้ใช้หลายพันล้านคนทั่วโลกปฏิสัมพันธ์กัน รวมถึงค้นพบสินค้าและบริการที่พวกเขาสนใจ”

3 เทรนด์ยังเหมือนปี 2019

สำหรับปี 2020 เจ้าพ่อเครือข่ายสังคมมองว่าจะยังเกิดผลต่อเนื่องจากปี 2019 ซึ่งมี 3 เทรนด์มาแรงบนแพลตฟอร์ม Facebook ทั้งการแชร์คอนเทนต์แบบชั่วคราว, ความนิยมคอนเทนต์ในรูปแบบวิดีโอ และการส่งข้อความทางแชต ซึ่งในปี 2020 เทรนด์เหล่านี้จะมีบทบาทสำคัญมากยิ่งขึ้นในเอเชีย

“สรุปง่ายๆ คือ ในเอเชียเราจะเห็นพฤติกรรมที่มุ่งไปสู่การใช้แพลตฟอร์ผ่านมือถือที่เพิ่มขึ้น มีคอนเทนต์ในรูปแบบวิดีโอมากขึ้น มีการใช้ Stories มากขึ้น ไปจนถึงการสนทนาและการทำธุรกิจผ่านการทักแชตที่จะเพิ่มมากขึ้น”

เอเชียครองตลาดของผู้ใช้งานมือถือรายใหม่มากที่สุดในโลกซึ่งมีถึง 61% เมื่อเทียบกับโซนยุโรปตะวันออกกลาง-แอฟริกา (25%) และสหรัฐอเมริกา (14%) นอกจากนี้ยังมีจำนวนผู้ชมวิดีโอในเอเชียเพิ่มขึ้นอีกด้วย ในปี 2019 กว่า 54% ของผู้ชมวิดีโอสตรีมมิ่งทั่วโลกมาจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

นอกจากนี้ Video on Mobile หรือวิดีโอที่รับชมบนมือถือจะมอบประสบการณ์ที่แตกต่างไปจากเดิม และแปรเปลี่ยนไปตามปัจจัยอีกมากมาย จากการศึกษาวิจัยและประสบการณ์ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โลกได้เห็นประสบการณ์การรับชมวิดีโอที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดและมีแนวโน้มเติบโตมากขึ้น โดยแบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก คือ กลุ่มที่รับชมวิดีโอระหว่างเดินทาง “on-the-go” และ กลุ่มที่ชื่นชอบการดูและตั้งใจเข้ามารับชมวิดีโอ “captivated viewing

“ในยุคที่พฤติกรรมการรับชมเปลี่ยนไป กุญแจสำคัญที่ช่วยให้แบรนด์ดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคได้มากที่สุดก็คือ การค้นหาและใช้งานได้ง่าย ไม่ว่าจะด้วยการสร้างภาพลักษณ์ที่ชัดเจนบนคอมมูนิตี้ออนไลน์ หรือการผลิตคอนเทนต์ที่มีคุณภาพสูง ขณะที่ธุรกิจบริการสตรีมมิ่งกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผู้ชมจะมองหาแบรนด์ที่สื่อสารข้อเสนอต่างๆ ได้อย่างชัดเจนมากที่สุด รวมไปถึงแบรนด์ที่สามารถสร้างสรรค์ประสบการณ์การรับชมได้ตามความต้องการของแต่ละคน”

Facebook ระบุว่าพบแนวโน้มของผู้ใช้งานที่หันมาแชร์ประสบการณ์แบบชั่วคราวกันอย่างรวดเร็ว โดยมียอดผู้ใช้งานฟีเจอร์ Stories มากกว่า 500 ล้านรายต่อวัน ทั้งบน Facebook, Messenger, Instagram และ WhatsApp ซึ่งยิ่งผู้คนใช้ Stories กันมากยิ่งขึ้นเท่าไร Facebook ก็สามารถเปิดโอกาสให้นักการตลาดใช้ฟีเจอร์ที่คนนิยมใช้นี้ในการเข้าถึงผู้คนได้มากขึ้นเท่านั้น


การส่งข้อความก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน เมื่อต้นปี 2018 ยักษ์ใหญ่ Facebook พบว่ามีการส่งข้อความมากกว่า 8 พันล้านข้อความระหว่างผู้คนกับธุรกิจบน Messenger ทุกๆ เดือน และเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวเป็น 2 หมื่นล้านข้อความในปีนี้ แสดงให้เห็นว่าผู้คนคาดหวังที่จะสื่อสารกับธุรกิจในลักษณะเดียวกันกับที่พวกเขาส่งข้อความให้กับเพื่อนๆ

ปัจจุบันมีธุรกิจที่ใช้ Messenger เป็นประจำทุกเดือนมากกว่า 40 ล้านราย (เช่น การส่งหรือรับข้อความทาง Messenger) รายงานยังระบุว่า ผู้คนในกลุ่มประเทศซึ่งเป็นตลาดเกิดใหม่ในเอเชียแปซิฟิกมีแนวโน้มที่จะส่งข้อความหาผู้ประกอบธุรกิจเฉลี่ยมากกว่าทั่วโลก โดย 63% ของผู้ตอบแบบสอบถามในเอเชียแปซิฟิกได้ส่งข้อความไปให้กับธุรกิจในช่วงวันหยุดปลายปีที่แล้ว ท่ามกลางธุรกิจกว่า 5 ล้านรายที่ใช้แอปพลิเคชัน WhatsApp Business ทุกเดือน

“ประเด็นย่อยที่น่าสนใจก็คือ ความนิยมส่งข้อความกันมากขึ้นสะท้อนถึงการเติบโตของการซื้อขายสินค้าผ่านการส่งข้อความและแชตออนไลน์อีกด้วย จากรายงานการศึกษาระดับโลกซึ่งจัดทำโดย Boston Consulting Group ร่วมกับ Facebook ใน 9 ประเทศ พบว่าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นนำเทรนด์การซื้อขายสินค้าผ่านแชตออนไลน์แซงหน้าประเทศอื่นๆ ทั้งในแง่การรับรู้และการใช้แชตออนไลน์เพื่อการซื้อสินค้า”

จากกลุ่มสำรวจตัวอย่างทั้งหมด 9 ประเทศ พบว่าประเทศไทยมียอดการทำธุรกรรมจากการซื้อขายผ่านแชตออนไลน์มากที่สุดเป็นอันดับแรก (40%) ตามมาด้วยเวียดนาม (36%) รองลงมาได้แก่ อินโดนีเซีย (29%) มาเลเซีย (26%) และฟิลิปปินส์ (23%) ในขณะที่สัดส่วนการซื้อขายผ่านแชตออนไลน์ในประเทศอื่นยังอยู่ในระยะเริ่มต้น อาทิ สหรัฐอเมริกา (5%) เม็กซิโก (6%) อินเดีย (10%) และบราซิล (11%) ซึ่งสะท้อนถึงโอกาสสำคัญในการเติบโตเช่นกัน

ต้องส่วนตัวและสร้างความสัมพันธ์

เทรนด์โซเชียลมีเดียปี 2020 คือธุรกิจจะเน้นการติดตามพฤติกรรมและวิธีที่ผู้คนเลือกจะโต้ตอบกับธุรกิจ ผ่านประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของพวกเขา โดยยังคงรักษาความเป็นส่วนตัวแบบเข้มข้น

ขณะเดียวกัน ธุรกิจจำนวนมากจะยังเน้นการสร้างความสัมพันธ์บนโซเชียล ทั้งการออกแบบเว็บไซต์ที่รองรับการใช้งานบนมือถือ แอปพลิเคชัน การตลาด และการสื่อสารแบบเรียลไทม์ เพื่อลดช่องโหว่และสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า จุดสำคัญคือธุรกิจจะเทพลังเพื่อสร้างความสัมพันธ์ด้วยความคิดเชิงสร้างสรรค์ หลายส่วนเชื่อว่าจะทดลองปฏิสัมพันธ์และเชื่อมต่อกับลูกค้าในรูปแบบใหม่ ผ่านเทคโนโลยี AR/VR การทำวิดีโอแนวตั้ง ไปจนถึงการสร้างช่องทางและแพลตฟอร์มขึ้นมาใหม่เพื่อสร้างความโดดเด่นและแตกต่างไปจากธุรกิจอื่น.


กำลังโหลดความคิดเห็น