เก็ท (Get) ผู้ให้บริการเรียกรถมอเตอร์ไซค์ ส่งของ ส่งอาหาร ประกาศแผนรุกธุรกิจปี 2020 หันมาพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนคู่กับผู้ใช้ ผู้ขับ และผู้ประกอบการ ด้วยการพัฒนาบริการที่เข้าไปส่งเสริมให้ธุรกิจเติบโต ด้วยการนำดาต้ามาใช้งาน พร้อมเพิ่มฟีเจอร์ Get Runner บริการเดินส่งอาหารในช่วงต้นปี
นายภิญญา นิตยาเกษรวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เก็ท กล่าวถึงภาพรวมของธุรกิจในปี 2020 ว่าจะเน้นไปที่การสร้างความยั่งยืนมากขึ้น เพราะในช่วงปีที่ผ่านมา เก็ท จะเน้นการขยายตลาด และเพิ่มจำนวนฐานลูกค้าที่ใช้งานมากขึ้น แต่จากภาพรวมของปีนี้ ถือว่าเริ่มอยู่ตัวแล้ว
'เป้าหมายในปีหน้าคือ ผู้ใช้บริการกลับมาใช้แอปบ่อยๆ ด้วยการเพิ่มฟีเจอร์ให้มีการใช้งานได้ถี่ขึ้น โดยไม่ต้องรอพึ่งส่วนลดพิเศษ คนขับทำงานได้เพิ่มขึ้นต่อวันเพื่อสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้น ด้วยการสร้างคอมมูนิตี้ในการแบ่งปัน ส่วนร้านค้าต้องมีการเพิ่มความหลากหลายของอาหาร แต่ก็ควบคุมคุณภาพของร้านในตัว'
สำหรับบริการใหม่ที่จะเกิดขึ้นในช่วงต้นปีหน้า ในฝั่งของผู้ใช้จะเพิ่มบริการอย่าง GET Pay ในการใช้กระเป๋าเงินออนไลน์เพื่อชำระค่าอาหารจากเดิมที่ใช้ได้เฉพาะเรียกรถรับ-ส่งเท่านั้น เพิ่มเติมด้วย GET Runner ในการเข้ามาเสริมด้วยบริการเดินส่งอาหาร ซึ่งจากการทดสอบพบว่า ช่วยลดระยะเวลาในการจัดส่ง มีต้นทุนต่ำกว่าผู้ขับทั่วไป
ขณะที่ฝั่งผู้ขับ จะมีการพัฒนาแอปพลิเคชันใหม่ เพื่อให้ใช้งานได้สะดวกขึ้น ทำการสรุปรายได้ประจำวัน ดูรายละเอียดย้อนหลัง จนถึงคาดการณ์รายได้ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ไปจนถึงการเพิ่มฟีเจอร์อย่างจุดที่มีการเรียกใช้งานสูง (Heat Map) เพื่อให้รู้ว่าจุดไหนมีการเรียกใช้งาน
ฝั่งของร้านอาหารจะเพิ่มแอปเพื่อให้ร้านค้าสามารถรับออเดอร์จากลูกค้าได้ทันที ซึ่งจะช่วยให้รวดเร็ว ลดระยะเวลาในการรออาหาร มีความถูกต้องมากยิ่งขึ้นทั้งเรื่องของออเดอร์ที่สั่ง และการเพิ่มรหัสยืนยันให้ร้านค้า และผู้ขับที่มารับอาหาร เพื่อให้ไม่เกิดความผิดพลาด
'บริการอย่าง GET Runner ที่จะเปิดให้ใช้งานกันไม่ได้จำกัดว่าพาร์ทเนอร์ที่เข้ามาต้องเดินเท้าส่งอาหารเพียงอย่างเดียว แต่สามารถใช้จักรยาน รถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ามาช่วยด้วยก็ได้ แต่จะจำกัดรัศมีในการสั่งอยู่ที่1 กิโลเมตร ซึ่งไทยถือเป็นประเทศแรกในกลุ่มของ GoJek ที่นำบริการนี้มาให้ใช้งาน'
***ย้ำภาพบริการที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหา
ส่วนในแง่ของการทำธุรกิจ เก็ท ยอมรับว่าปัจจุบันบริษัทยังอยู่ในช่วงที่ลงทุน ทำให้ยังไม่ได้มีการสร้างกำไรจากธุรกิจ เพียงแต่ว่าด้วยทิศทางในการเข้ามาให้บริการในตลาดที่มีการเติบโต ถ้าสามารถควบคุมคุณภาพ เพิ่มปริมาณการใช้งานให้มากขึ้น แม้ว่าส่วนแบ่งรายได้ต่อครั้งจะต่ำแต่ก็สามารถสร้างรายได้ในระยะยาวได้
ดังนั้นในระยะกลาง หรือยาวแล้วธุรกิจการให้บริการ Ride Hailing หรือการเรียกใช้บริการขนส่งรูปแบบต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชันสามารถทำกำไรได้แน่นอน เพราะในอีกมุมหนึ่งคือการเข้าถึงข้อมูลของลูกค้าที่แม่นยำ
'การที่เป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มที่มีข้อมูลของลูกค้าทำให้นักการตลาดที่สนใจเจาะกลุ่มลูกค้าโดยเฉพาะสามารถเข้ามาทำโฆษณาบนแพลตฟอร์มเพื่อดึงความสนใจของลูกค้าโดยตรง รวมถึงการนำข้อมูลไปช่วยร้านอาหารในการขยายร้านค้า จนถึงนำข้อมูลมาใช้ในการสื่อสารการตลาดสู่ลูกค้าโดยตรงเพื่อลดค่าใช้จ่ายได้'
***บริการส่งอาหารยังเติบโต ไม่มีผู้นำชัดเจน
การวัดจำนวนผู้นำในตลาดนี้ถือว่าค่อนข้างยาก เพราะมีการนำเสนอข้อมูลหลากหลายรูปแบบ และยังไม่มีหน่วยงานกลางที่เข้ามาสำรวจตลาดนี้อย่างจริงจัง แต่สิ่งที่เห็นคือ เก็ท เติบโตมากขึ้นถึง 6 เท่า เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และมีโอกาสเติบโตไม่ต่ำกว่าเท่าตัวในปีหน้า
ในส่วนของผู้นำ เก็ท อยากให้มองในมุมของคุณภาพในการให้บริการ โดยจากการสำรวจพบว่าลูกค้ากว่า 97% พึงพอใจในการใช้บริการ ขณะที่ระยะเวลาในการจัดส่งเฉลี่ยต่ำสุดในตลาดอยู่ที่ 28 นาที และช่วยให้พาร์ทเนอร์ เติบโตกว่า 5 เท่าโดยเฉลี่ย
อย่างไรก็ตาม เก็ท ตั้งข้อสังเกตถึงการให้ข้อมูลจำนวนเที่ยวในการจัดส่งอาหารที่มีการเปิดเผยออกมาสู่สาธรณะของผู้ให้บริการทุกๆ รายว่าควรจะตั้งอยู่บนมาตรฐานเดียวกันคือ จำนวนการเรียกสั่งงานที่จัดส่งอาหารสำเร็จ ไม่นับรวมกับออเดอร์ที่มีการปฏิเสธการจัดส่งจนทำให้ข้อมูลสูงกว่าปกติด้วย
ทั้งนี้ สถิติที่น่าสนใจของ เก็ท คือในช่วงไม่ถึงปีที่ผ่านมา มีจำนวนยอดดาวน์โหลดไปแล้วกว่า 2 ล้านครั้ง จากที่เคยตั้งเป้าไว้ 1 ล้านครั้ง โดยมีจำนวนผู้ขับกว่า 40,000 ราย จากในช่วงแรกที่เปิดให้บริการมีราว 10,000 รายเท่านั้น