เปิดแนวคิดซีอีโอ 'สกาย ไอซีที หรือ SKY' ปั้น New s-curve ด้วยการจับมือบริษัท SenseTime ซึ่งเป็นบริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) รายใหญ่ของจีนและของโลก หลังผลประกอบการเติบโตแบบก้าวกระโดด คาดรายได้ปี 2562 ทะลุ 3.5 พันล้านบาท
'สิทธิเดช มัยลาภ' ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY ผู้กุมบังเหียน พลิกโฉมองค์กร จนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงโมเดลธุรกิจและสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดดด้วยแนวคิดที่ว่า 'ทุกการเปลี่ยนแปลงจะนำไปสู่การสร้างโอกาสหรือการเติบโตทางธุรกิจรอบใหม่ New s-curve ในอุตสาหกรรมเกิดขึ้นทุก 7 ปี แต่ในอุตสาหกรรมไอทีเกิดขึ้นได้ทุกปี'
บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานความมั่นคงปลอดภัย ทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารชั้นนำระดับประเทศ ปัจจุบันดำเนินธุรกิจ Digital Platform solution โดยมีความเชี่ยวชาญด้านสมาร์ท ซีเคียวริตี้ (Smart Security) ระบบ CCTV System ระบบ Access Control รวมไปถึงระบบ Fire Alarm
บริษัทมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องตามแนวโน้มอุตสาหกรรมไอทีซึ่งถือเป็นอุตสาหกรรม Sunrise Business จะเติบโตด้วย Global Growth โดยเฉพาะธุรกิจไอทีที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ทั้งนี้ในปี 2563 เป็นต้นไป บริษัทจะมีรายได้ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งจะมาจากธุรกิจ 3 รูปแบบหลักๆ คือ 1.สมาร์ท ซีเคียวริตี้ (Smart Security) ซึ่งเป็นบริการโซลูชั่นด้านการรักษาความปลอดภัยสำหรับองค์กรและธุรกิจ 2.ดิจิตอลแพลตฟอร์ม (Digital Platform) โดยปัจจุบัน เป็นผู้พัฒนาระบบสื่อสารออนไลน์ AOT Airports Application ให้กับบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) และ 3.วิทยุสื่อสารดิจิตอล (Digital Radio Trunk) โดยเป็นผู้จัดหาโครงข่ายระบบวิทยุสื่อสารแบบดิจิตอลที่มีความปลอดภัยสูง พร้อมปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของระบบวิทยุสื่อสารให้มีความทันสมัย และมีประสิทธิภาพให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ปี 2563 เติบโตเท่าตัว
จากแนวคิดดังกล่าวและภายใต้การบริหารของ 'สิทธิเดช' ทำให้สกาย ไอซีที เติบโตแบบก้าวกระโดดในช่วงที่ผ่านมาโดยในปี 2561 'สกาย ไอซีที' มีรายได้อยู่ที่ 540 ล้านบาท กำไรสุทธิ 107 ล้านบาท ส่วนครึ่งแรกของปี 2562 มีรายได้แล้ว 1,500 ล้านบาท โดยปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 5,400 ล้านบาท และจะรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 2,200 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปีต่อไป ทำให้คาดว่าในปี 2562 นี้ 'สกาย ไอซีที' จะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 3,500 ล้านบาท ขณะที่ปี 2563 คาดว่ารายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 50% จากในปีนี้
โดยวางแผนงานในปี 2563 ไว้ว่าจะขยายงานในส่วนที่เป็นภาคเอกชนให้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 30% และตั้งเป้าภายใน 5 ปี สัดส่วนงานภาครัฐและเอกชนจะอยู่ที่ 50% จากปัจจุบันสัดส่วนงานเอกชนอยู่ที่ 10% และภาครัฐอยู่ที่ 90% โดยมีธุรกิจสมาร์ท ซีเคียวริตี้ แบบครบวงจรที่จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าภาคเอกชน อาทิ ห้างสรรพสินค้า อาคารสำนักงาน โรงแรม โรงพยาบาล โรงงาน สถานศึกษา และที่อยู่อาศัย เป็นเรือธงในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับองค์กร
ถึงยุคที่ Data is Gold
ผู้บริหาร 'สกาย ไอซีที' กล่าวว่าฐานข้อมูลในยุคดิจิทัลเป็นสิ่งที่มีค่ามากเปรียบเสมือนกับทองคำ ช่วยให้ผู้คนและอุปกรณ์ทั่วโลกสามารถเชื่อมต่อเข้าหากัน ก่อให้เกิดการเติบโตและเปลี่ยนแปลง ทั้งในส่วนของโครงสร้างพื้นฐาน ธุรกิจ การเมือง หรือแม้แต่เศรษฐกิจ ซึ่งทำให้โลกทันสมัยมากยิ่งขึ้น
'AOT Airports Application' จึงนับเป็นอีกธุรกิจที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับองค์กร ในฐานะที่บริษัทเป็นผู้พัฒนา และได้รับสิทธิในการประกอบกิจการ
จากตัวเลขจำนวนผู้โดยสารที่เดินทางผ่านท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง ซึ่งประกอบไปด้วย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานหาดใหญ่ และท่าอากาศยานนานาชาติแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ในปีที่ผ่านมามีจำนวนผู้โดยสารเดินทางกว่า 141 ล้านคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี ซึ่งบริษัทตั้งเป้าระยะแรกจะมีผู้โดยสารที่ใช้บริการท่าอากาศยานโหลด AOT Airports Application ประมาณ 1 ล้านคน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในปีต่อๆไป
AOT Airports Application เป็นนวัตกรรมที่เชื่อมโยงกับระบบ IT ทั้งหมดภายในสนามบิน โดยนำข้อมูลที่ได้จากระบบ IT มาช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารและส่งเสริมผู้ประกอบการภายในสนามบิน อาทิ จำนวนที่ว่างในลานจอดรถ ปริมาณผู้โดยสาร การแจ้งเตือนเที่ยวบิน โปรโมชั่นร้านค้าภายในสนามบิน การจองรถลิมูซีน-รถแท็กซี่ แผนที่ภายในสนามบิน เป็นต้น โดยจะครอบคลุมท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง และเตรียมพร้อมเชื่อมโยงท่าอากาศยานพันธมิตรอีก 16 แห่งทั่วโลก
ร่วมมือครั้งสำคัญยักษ์ใหญ่ไอทีจีน
บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือทางธุรกิจกับบริษัท SenseTime ซึ่งเป็นบริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) รายใหญ่ของจีนและของโลก อาทิ เทคโนโลยีจดจำภาพ (Image Recognition), เทคโนโลยีจดจำใบหน้า (Facial Recognition), การวิเคราะห์ทางวิดีโอ (Video Analytics) เป็นต้น โดยความร่วมมือในครั้งนี้ SenseTime จะเข้ามาสนับสนุนความรู้และเทคโนโลยีด้าน AI ถือเป็นความร่วมมือทางธุรกิจในการพัฒนาเทคโนโลยี AI กับบริษัทเพียงรายเดียวในประเทศไทย
ปีนี้จึงนับได้ว่าเป็นปีทองของ บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY เพราะสามารถพลิกโฉมองค์กรขึ้นมาเป็น New s-curve ที่พร้อมจะสร้างให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของผลิตภัณฑ์และบริการด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ด้วยเป้าหมายที่จะเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และตลาดทุนไทยให้ทะยานไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง.
(Advertorial)