ประเทศจีน กลายเป็นดินแดนแหล่งรวมบริษัทสตาร์ทอัปเกิดใหม่ซึ่งมีมูลค่าตลาดรวมเกิน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือ “ยูนิคอร์น” จำนวนมากที่สุดในโลก แซงหน้าสหรัฐฯไปอย่างฉิวเฉียด เบ็ดเสร็จแล้ว 2 ประเทศมีม้าวิเศษยูนิคอร์นมากกว่า 80% ของโลก
สถาบัน Hurun Institute ของจีนรายงานว่าจีนสามารถผลิตยูนิคอร์นจำนวน 206 ราย มากกว่าสหรัฐฯที่มียูนิคอร์นจำนวน 203 แห่ง สถิติเหล่านี้ถูกเผยแพร่ในวันที่รัฐบาลสหรัฐฯและจีนเปิดฉากต่อสู้กันในสงครามการค้าและศึกชิงดำตำแหน่งผู้นำด้านเทคโนโลยีของโลก
รูเพิร์ต โฮโฮเดอฟฟ์ (Rupert Hoogewerf) ประธานผู้จัดทำรายงาน Hurun Report ระบุว่าสถานะของจีนและสหรัฐฯในวันนี้คือการเป็นประเทศที่ครองสัดส่วนจีดีพีครึ่งหนึ่งของ GDP โลก และเป็นดินแดนรวม 1 ใน 4 ของประชากรโลก โดยในรายงานย้ำว่าแอนท์ไฟแนนเชียล (Ant Financial) บริษัทรับชำระเงินของจีนคือแชมป์ยูนิคอร์นตัวท็อปของโลกด้วยมูลค่าบริษัท 150,000 ล้านเหรียญ
หลังจากก่อตั้งขึ้นในปี 2014 ธุรกิจของ Ant Financial สามารถขยายฐานก้าวกระโดดในเวลา 5 ปีที่ผ่านมา โดยสามารถจัดการแพลตฟอร์มการชำระเงินออนไลน์ “อาลีเพย์” (Alipay) ซึ่งถูกแยกออกจากอาลีบาบา (Alibaba) ยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซได้แบบไร้ที่ติ
นอกจากแชมป์ บริษัทไบต์แดนซ์ (Bytedance) ของจีนครองอันดับที่ 2 ของตารางยูนิคอร์นโลกด้วยมูลค่า 75,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ดีกรีการันตีของบริษัทเทคโนโลยีที่เติบโตอย่างรวดเร็วอย่าง Bytedance คือการเป็นเจ้าของติกตอก (TikTok) แพลตฟอร์มแบ่งปันวิดีโอสั้นยอดนิยมในยุคนี้
สำหรับอันดับ 3 บริษัท Didi Chuxing ผู้ให้บริการแชร์รถยนต์ของจีนสามารถชิงเก้าอี้ในตารางยูนิคอร์นโลกได้ด้วยมูลค่าบริษัท 55,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งหมดนี้ถือเป็นบริษัทที่โดดเด่นเมื่อเทียบกับบริษัทสตาร์ทอัปสหรัฐฯที่มีชื่อเสียง เช่นเว็บไซต์ให้เช่าบ้านอย่างแอร์บีเอ็นบี (Airbnb), บริษัทให้บริการพื้นที่สำนักงานอย่างวีเวิร์ก (WeWork) และผู้ผลิตบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ “จูล” (Juul) ที่ติดอันดับ Top 10 ยูนิคอร์นโลก