LINE@ เพิ่ม 3 กลยุทธ์ รุกผู้ประกอบการ SMEs ในช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งการเพิ่มความรู้ ช่วยเชื่อมต่อธุรกิจระหว่างโลกออนไลน์ และออฟไลน์ รวมถึงการผลักดันให้เกิดโซเชียลคอมเมิร์ซในประเทศไทย โดยปัจจุบันมีธุรกิจใช้ LINE@ แล้วกว่า 2 ล้านบัญชี
นางสาวสกุลรัตน์ ตันยงศิริ หัวหน้าธุรกิจ LINE@ กล่าวว่า จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ปัจจุบัน SMEs ถือเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยจากจำนวนกว่า 95% ของธุรกิจทั้งหมด โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา คิดเป็น 42.8% ของจีดีพีประเทศ
ขณะที่ LINE ก็มองว่า ที่ผ่านมา นักธุรกิจรายย่อยมักทำธุรกิจคนเดียว หรือกับคนสนิทพียงไม่กี่คน และยังไม่มีงบประมาณว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญทำให้ยังก้าวสู่โลกออนไลน์ได้ไม่มากนัก ทำให้ทาง LINE ต้องการสนับสนุนให้ SME ไทยเข้าใจถึงการนำโซเชียลแฟลตฟอร์มมาใช้ให้เป็นประโยชน์ และเข้าถึงลูกค้าในราคาประหยัดได้ง่ายมากขึ้น
“ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา LINE@ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับปี 2560 มีจำนวนผู้ใช้เติบโตมากขึ้นถึง 49% โดยปัจจุบันมีผู้ใช้กว่า 2 ล้านแอ็กเคานต์ โดยเป็นผลมาจากการออกแพกเกจสำหรับผู้ใช้งานเริ่มต้น (Starter) ในราคาเพียง 198 บาท เพื่อให้เข้าถึงธุรกิจขนาดเล็ก และผู้ที่ทำธุรกิจเป็นอาชีพเสริม”
กลุ่มหลักที่ใช้ LINE@ เยอะมากที่สุด คือ กลุ่มค้าขาย และกลุ่มธุรกิจ SME ที่เติบโตขึ้นมากเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว กล่าวคือ 1. กลุ่มร้านอาหารและเครื่องดื่ม เติบโตขึ้น 86% 2. กลุ่มธุรกิจสุขภาพและความงาม เติบโตขึ้น 85% 3. ธุรกิจท่องเที่ยว เติบโตขึ้น 62%
LINE@ จึงได้มีการแนะนำ 3 กลยุทธ์ที่จะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ประกอบไปด้วย 1. เพิ่มความรู้ให้ผู้ประกอบการ SME ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริม LINE@ Certified Coach หรือผู้ผ่านการรับรองจาก LINE@ จับมือกับพาร์ตเนอร์ต่างๆ เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้แพลตฟอร์ม LINE@
2. เชื่อมต่อออฟไลน์สู่ออนไลน์ หรือ O2O ทั้งด้านการจัดธุรกิจ และปิดการขาย เพื่อเพิ่มความสะดวกให้ทั้งกับผู้ซื้อและผู้ขายยิ่งขึ้น โดยจับมือกับศูนย์การค้า เพื่อโปรโมตให้ร้านค้าต่างๆ ใช้ LINE@ โดยเริ่มจากร้านค้าใน Fashion Island, Gaysorn Village, Terminal21 Asok, และ The Promenade กว่า 300 ร้านค้า
3. ผลักดันธุรกิจโซเชียลคอมเมิร์ซให้เติบโตไวยิ่งขึ้น เนื่องจากนักชอปออนไลน์ไทยกว่า 51% ซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านโซเชียลมีเดีย (เทียบกับค่าเฉลี่ยของโลกที่ 16% นับว่าเป็นสัดส่วนที่สูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก) ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่มูลค่าไม่ได้สูงนัก และไม่ต้องการบริการหลังการขาย
สอดคล้องกับข้อมูลโดยกลุ่มค้าขาย ร้านค้า เป็นกลุ่มหลักที่ใช้ LINE@ กว่า 700,000 แอ็กเคานต์ ซึ่งการก้าวเข้าสู่โซเชียลคอมเมิร์ซ อาจเริ่มต้นจากการสร้าง Brand Awareness การส่งโปรโมชันของร้านค้า ผ่าน LINE@ ไปจนถึงกิจกรรมทั้งซื้อและขายที่สามารถจบในที่เดียว