ทรู ดิจิทัล พาร์ค เร่งนำเสนอความเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมที่ได้รับความร่วมมือจากองค์กรไอทีชั้นนำ ให้ความสนใจเข้ามาใช้บริการพื้นที่แล้วกว่า 80% รวมถึงเป็นสถานที่ให้สตาร์ทอัป นักลงทุน เข้ามาสร้างความสัมพันธ์ มั่นใจพร้อมเปิดให้บริการในช่วงเดือนพฤศจิกายนแน่นอน
นายฐนสรณ์ ใจดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ ทรู ดิจิทัล พาร์ค กล่าวว่า จากคอนเซ็ปต์ในการเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทางกลุ่มทรู จึงได้ร่วมมือกับทาง MGDC ร่วมกันพัฒนาพื้นที่บริเวณปุณวิถี ขึ้นมาเพื่อเป็นเหมือนซิลิคอนวัลเลย์เมืองไทยที่ลงทุนโดยภาคเอกชน
“ในต่างประเทศอย่างซิลิคอนวัลเลย์ หรือแม้แต่ในหลายๆ ประเทศ ภาครัฐจะเป็นผู้ลงทุนในการสร้างศูนย์กลางดิจิทัลขึ้นมาเป็นที่รวบรวมบริษัทไอทีให้เข้ามาอยู่ด้วยกัน แต่จากแนวคิดของกลุ่มทรู ทำให้เข้าไปร่วมมือกับทางสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ พัฒนาบริเวณปุณวิถีให้ขึ้นมาเป็นซิลิคอนวัลเลย์เมืองไทย”
ในช่วงนี้จะอยู่ในขั้นตอนของการเร่งสร้างความเข้าใจลูกค้าองค์กรไอที-เทคสตาร์ทอัป ให้เห็นความสำคัญของการมีอีโคซิสเตมส์ที่เอื้อต่อการทำงาน ภายในโครงการทรู ดิจิทัล พาร์ค ที่จะเปิดให้ทั้งบรรดาผู้ประกอบการ นักลงทุน และสตาร์ทอัป มาพบเจอกัน
ทั้งนี้ ตามกำหนดการโครงการทรู ดิจิทัล พาร์ค ในเฟสแรกที่ให้บริการบนพื้นที่กว่า 40,000 ตารางเมตร จะแล้วเสร็จภายในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ยื่นความสนใจเข้ามาใช้งานภายในโครงการแล้วราว 80%
นอกจากนี้ ภายในบริเวณทรู ดิจิทัล พาร์ค ยังมีส่วนของโครงการ 101 The Third Place ที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) มาช่วยเติมเต็มในส่วนของดิจิทัลไลฟ์สไตล์ นอกเหนือจากพื้นที่ทำงานในบริเวณของทรู ดิจิทัล พาร์ค
ส่วนในแง่ของการลงทุน ทางทรู ดิจิทัล พาร์ค จะรับหน้าที่ในการเข้าไปวางโครงสร้างพื้นฐาน และตกแต่งสถานที่ เพื่อให้พื้นที่ในเฟส 1 รองรับการทำงานในแบบดิจิทัล ด้วยการนำสมาร์ทโซลูชันมาใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชัน, ระบบเข้า-ออกอาคาร, จองห้องประชุม, หุ่นยนต์ (Robotics) อำนวยความสะดวก
รวมถึงการนำระบบ IoT ไม่ว่าจะเป็น Smart Parking, Smart Metering และที่สำคัญ คือ ในแง่ของอินฟราสตรักเจอร์ในการทำงานอย่างเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ภายใต้งบประมาณ 500-700 ล้านบาท
“จากพื้นที่ใช้สอยกว่า 40,000 ตารางเมตร ที่สามารถรองรับการเข้ามาใช้งานของเทคสตาร์ทอัปได้ราว 5,000-7,000 คน เชื่อว่าจะช่วยให้เกิดอีโคซิสเตมส์ที่สำคัญ และก่อให้เกิดรายได้จากการเช่าใช้พื้นที่คิดเป็นสัดส่วนรายได้ราว 90% ส่วนที่เหลืออีก 10% จะมาจากการจัดกิจกรรมเพิ่มเติม”