การซื้ออินสตาแกรม (Instagram) อาจเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดเท่าที่เฟซบุ๊ก (Facebook) เคยทำมา เพราะหลังจากในปี 2012 ที่ Facebook ซื้อ Instagram แอปพลิเคชันแบ่งปันรูปภาพที่มีพนักงาน 13 คนเติบโตต่อเนื่องตลอด 6 ปีจนวันนี้ คาดว่าแอปพลิเคชัน Instagram มีมูลค่าประมาณ 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ แล้ว นับเป็นมูลค่าที่สูงถึง 100 เท่าเมื่อเทียบกับการซื้อที่มูลค่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
ตัวเลขมูลค่าตลาด Instagram ที่เพิ่มขึ้นนี้ถูกคำนวณโดยไม่มีความเกี่ยวข้องกับ Facebook ส่วนที่น่าสนใจ คือ รายได้จาก Instagram ที่สูงเป็นประวัติการณ์ คุ้มค่ากว่าการซื้อว็อตสแอป (WhatsApp) ที่ Facebook ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากถึง 1.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2014 ขณะที่การซื้อบริษัทโอคูลัส (Oculus) ยังทำให้ Facebook เสียเงินมากกว่าการซื้อ Instagram ถึง 2 เท่าตัว
สำหรับมูลค่า Instagram นี้เป็นการประเมินจากรายงานของบลูมเบิร์ก (Bloomberg Intelligence) ที่ร่วมมือกับสำนักข่าวควาร์ตซ์ (Quartz) ซึ่งวิเคราะห์ว่า Instagram มีโอกาสเติบโตขึ้นอีกถึงระดับฐานผู้ใช้มีจำนวนเกิน 2 พันล้านรายภายใน 5 ปี คาดว่าจะเป็นอีกเครือข่ายสังคมที่ขึ้นแท่นยักษ์ใหญ่เหมือน Facebook ภายในปี 2022
ที่ผ่านมา Instagram เพิ่งประกาศฐานผู้ใช้ทะลุ 1 พันล้านรายต่อเดือน จุดนี้รายงานชี้ว่า Instagram ควรจะสามารถเพิ่มทราฟฟิกการเข้าชมได้อีก 2 เท่าตัวด้วยความรวดเร็ว เนื่องจากเส้นกราฟแสดงสถิติการใช้งานแพลตฟอร์มของ Instagram ได้แซงหน้า Facebook ไปแล้ว
นักวิเคราะห์ยอมรับว่า การอยู่ภายใต้ปีก Facebook ทำให้ Instagram สามารถใช้โมเดลธุรกิจโฆษณาบนฟีดได้ง่าย และเร็ว โดยเฉพาะบริการวิดีโอรูปแบบยาวใหม่ล่าสุด ซึ่ง Instagram เพิ่งเปิดตัวอย่าง Instagram TV อาจเป็นแรงดันสำคัญที่ช่วยเพิ่มรายได้ให้ Instagram เป็นกอบเป็นกำ
รายงานยังชี้ว่า ผู้ใช้ Instagram ใช้เวลาบนแอปเกือบเท่ากับสถิติการใช้เวลาบน Facebook ตามรายงานล่าสุด คือ ชาว Instagram ใช้เวลาประมาณ 53 นาทีต่อวัน (สำหรับผู้ใช้ Android) บริษัทวิจัยตลาดอย่างอีมาร์เกตเตอร์ (eMarketer) คาดว่า ขณะนี้ Instagram ทำรายได้ราว 30% ของรายได้โฆษณาบนมือถือของ Facebook โดยสัดส่วนดังกล่าวอาจเพิ่มขึ้นเป็น 40% ภายในปี 2020 หรืออีก 2 ปีข้างหน้า