เอซุส (Asus) ประกาศความร่วมมือกับช้อปปี้ (Shopee) ปล่อยสมาร์ทโฟน 2 รุ่นใหม่ ตอกย้ำการขยายช่องทางขายอี-คอมเมิร์ซอย่างต่อเนื่อง ระบุ เอซุสไม่เล่นสงครามราคา แต่จะเน้นโชว์สเปก และความคุ้มค่า
นายเร็กซ์ ลี ผู้จัดการทั่วไปภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท เอซุส กล่าวว่า ตลาดอี-คอมเมิร์ซในประเทศไทยมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การขยายธุรกิจออนไลน์จะช่วยให้ผู้บริโภคได้รับความสะดวกสบาย และเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของเอซุสได้ง่ายขึ้น
รวมไปถึงการให้บริการเสริมที่ช่วยอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า เช่น ช่องทางการชำระค่าสินค้า และการจัดส่งสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น จึงเป็นที่มาในการเป็นพันธมิตรร่วมกับบริษัทช้อปปี้
“ที่ผ่านมา ลูกค้าของเอซุสส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย ในขณะที่ลูกค้าของช้อปปี้ ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง เอซุส จึงมองว่า การร่วมมือครั้งนี้จะสามารถขยายตลาดไปยังกลุ่มเป้าหมายดังกล่าวเพิ่มขึ้น และสมาร์ทโฟนเป็นสินค้าที่เปลี่ยนบ่อยดังนั้นการซื้อผ่านช่องทางออนไลน์น่าจะตอบโจทย์ผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี”
ด้านนายเทอร์เรนซ์ แพง ประธานฝ่ายปฏิบัติการบริษัทช้อปปี้ กล่าวว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พบว่าการซื้อของไอทีผ่านช่องทางออนไลน์มีมากขึ้น ช้อปปี้ มีฐานลูกค้าแอ็กทีฟอยู่ประมาณ 19 ล้านราย จึงเชื่อว่าการเป็นพันธมิตรกับเอซุสครั้งนี้จะทำให้แพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซของช้อปปี้สมบูรณ์มากขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีการจัดโปรโมชัน “Super Brand Day” ฉลองความร่วมมือระหว่างกันในครั้งนี้ ด้วยการมอบส่วนลดสูงสุดกว่า 14,000 บาท พร้อมกิจกรรมพิเศษลุ้นรับของรางวัลมูลค่ารวมกว่า 800,000 บาท ตั้งแต่วันนี้ถึง 18 มิถุนายน 2561
ขณะที่นายอัลวิน เฉิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอซุส (มาร์เกตติ้ง) ประเทศไทย กล่าวว่า หลังการเปิดตัวZenFone 5 ในประเทศไทยเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ที่ลูกค้าเอซุสสามารถซื้อผ่านช้อปปี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
ล่าสุด เอซุสจึงเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่อีก 2 รุ่น คือ ZenFone Max Pro M1 ตอบโจทย์นักเล่นเกมด้วยความแรง และแบตอึด และ ZenFone 5Z ที่มาต่อยอดความสำเร็จของ ZenFone 5 ในประเทศไทยด้วยประสิทธิภาพที่ทรงพลังยิ่งกว่าเดิม
ASUS ZenFone Max Pro M1 โดดเด่นด้วยแบตเตอรีที่มีความจุสูงถึง 5,000 mAh ภายในบอดีที่มีความหนาเพียง 8.46 มม. ทำให้ ZenFone Max Pro M1 ทำลายสถิติสมาร์ทโฟนแบตเตอรี 5,000 mAh ที่บางที่สุดในโลก และเอซุส ยังเลือกใช้ชิป Qualcomm Snapdragon 636 RAM 3-6GB รีดประสิทธิภาพการประมวลผลอย่างทรงพลัง
บนหน้าจอที่ใหญ่ถึง 5.99 นิ้ว แบบ Full HD+ สามารถเล่นเกม ROV หรือ Free Fire ได้อย่างเต็มที่นานสูงสุด 11 ชั่วโมง ดู Netflix ต่อเนื่องได้นานสูงสุด 20 ชั่วโมง หรือดู Game of Thrones จบ 2 ซีซันด้วยการชาร์จไฟเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
สำหรับราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 5,990 บาท สำหรับรุ่นแรม 3 GB และหน่วยความจำขนาด 32 GB, ราคา 6,990 บาท สำหรับรุ่นแรม 4 GB และหน่วยความจำขนาด 64 GB และราคา 7,990 บาทสำหรับรุ่นแรม 6 GB และหน่วยความจำขนาด 64 GB
ส่วน ZenFone 5Z มาพร้อมชิปอันทรงพลัง Qualcomm Snapdragon 845 ที่มากับ AI Engine และ AI Boost ทำให้ ZenFone 5Z มาพร้อมระบบอัจฉริยะ คิดได้ไวยิ่งกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นการปรับโหมด และตั้งค่าเองขณะถ่ายภาพ การปรับความเร็วประมวลผลให้เหมาะสมต่อการใช้งาน
การควบคุมระบบชาร์จไฟ หรือปรับแต่งโทนสีหน้าจอ และเสียงเรียกเข้าตามสภาพแวดล้อม มาพร้อมกล้องหลังคู่ กล้องหลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมระบบ OIS ร่วมกับกล้องรองมุมกว้างพิเศษ 120 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล เริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 3 กรกฎาคม 2561 ในราคาเริ่มต้นที่ 15,990 บาท สำหรับรุ่นแรม 6 GB หน่วยความจำขนาด 128 GB และ ราคา 19,990 บาท สำหรับรุ่นแรม 8 GB และหน่วยความจำขนาด 256 GB
อย่างไรก็ตาม นายชาร์ลส์ ลิว ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ บริษัท เอซุส (มาร์เกตติ้ง) ประเทศไทย กล่าวว่า แม้ว่าในปีนี้สมาร์ทโฟนของเอซุส มีส่วนแบ่งในตลาดอยู่ 1-3% ก็ตาม แต่ก็ตั้งเป้าว่าด้วยสมาร์ทโฟนที่ออกมาในปีนี้ และอีกรุ่นใน ROG Phone ที่จะนำเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยจะทำให้ส่วนแบ่งตลาดของเราเพิ่มขึ้นเป็น 10 % ได้
ส่วนช่องทางจำหน่าย แม้ว่าเอซุสจะหันมาโฟกัสช่องทางอี-คอมเมิร์ซมากขึ้น แต่ช่องทางออฟไลน์เอซุสก็ยังคงให้ความสำคัญเท่าๆ กัน และยืนยันว่า เอซุสจะไม่เล่นสงครามราคาอย่างแน่นอน
“เอซุส ต้องการสู้ในตลาดด้วยคุณสมบัติ และความสามารถของเครื่องที่เป็นผู้นำนวัตกรม และผู้บริโภคเข้าถึงได้”
ส่วนการโปรโมตแบรนด์ เอซุสยังคงใช้ กงยู ไปจนกว่าจะหมดสัญญาในเดือน มี.ค. ปีหน้า ขณะเดียวกัน เอซุสก็ให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์ผ่านบล็อกเกอร์, Influencer Marketing หรือ Key Opinion Leader (KOL) ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลทางความคิด และคนเหล่านี้มียอดติดตามรวมๆ กัน 2 ล้านคน