ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา Apple และ Samsung ยังเป็น 2 ผู้นำในการจำหน่ายสมาร์ทโฟนภายในงาน ไทยแลนด์ โมบาย เอ็กซ์โป 2018 (TME 2018) ด้วยการชิงยอดขายในกลุ่มสินค้าระดับไฮเอนด์ ส่งผลให้ยอดเงินสะพัดภายในงานแตะหลัก 2,000 ล้านบาท
พอมาในงานช่วงกลางปี เมื่อแบรนด์จีนทุกแบรนด์เริ่มมีไลน์สินค้าใหม่เข้ามาในตลาด และหวังที่จะใช้งานนี้เป็นตัวชี้วัดความต้องการของผู้บริโภค จึงทำให้คาดว่าจะได้เห็นการแข่งขันกันทำราคาของบรรดาสมาร์ทโฟนแบรนด์จีน ไม่ว่าจะเป็น Huawei, Oppo, vivo, Meizu, Nubia, Honor และ Xiaomi ที่มาออกงานนี้อย่างเป็นทางการครั้งแรก
สิ่งที่น่าจับตา คือ การรวมพลังกันหั่นราคาสมาร์ทโฟนออกมาอยู่ในช่วงราคา 1 หมื่นบาท ลงมาแข่งขัน ด้วยการร่วมใจกันชูแนวคิดที่ว่า ประสิทธิภาพดีกว่าในราคาคุ้มค่า แน่นอนว่างานนี้ ผู้นำอย่าง ซัมซุง ก็ไม่อยู่เฉย เตรียมเข็นสมาร์ทรุ่นใหม่ออกมาจำหน่ายภายในงาน เพื่อรักษาความเป็นผู้นำตลาด
โอภาส เฉิดพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็ม วิชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตอนนี้เทรนด์การเลือกซื้อสมาร์ทโฟนของผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนไป จากเดิมที่มองหาสมาร์ทโฟนในระดับ 12,000 บาทขึ้นไป เพื่อนำมาใช้งาน แต่ปัจจุบันกลายเป็นว่าเครื่องราคาต่ำกว่าหมื่นบาทก็สามารถใช้งานได้ไม่ต่างกัน
“ผู้บริโภคไม่ได้ต้องการเล่นโทรศัพท์ราคาแพง ประกอบกับคนไม่ได้ต้องการซื้อสมาร์ทโฟนเครื่องทดแทนที่ราคาสูงขึ้น โดยมีปัจจัยจากทั้งเศรษฐกิจ กับความรู้สึกที่ว่าไม่จำเป็นต้องจ่ายแพง แต่กลับไปเน้นที่กล้องสมาร์ทโฟนไหนถ่ายสวย พร้อมจะแชร์รูปภาพผ่านโซเชียลตลอดเวลา”
***ยอดเงินสะพัด 2,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ตามปกติแล้วกลุ่มผู้บริโภคที่ยอมจ่ายเงินซื้อสมาร์ทโฟนราคาแพง ส่วนใหญ่ต้องการความต่างทั้งในแง่ของภาพลักษณ์ และดีไซน์ แต่ปัจจุบันกลายเป็นว่า สมาร์ทโฟนทุกรุ่นหน้าตาเหมือนๆ กัน ทำให้คนบางกลุ่มรู้สึกว่าไม่ต้องจ่ายเงินแพงก็ได้ใช้เหมือนกัน
“ช่วงนี้ตลาดสมาร์ทโฟนระดับราคา 25,000 บาทขึ้นไป ถือว่าน่าเป็นห่วง เพราะการที่แบรนด์จีนเข้ามาบุกตลาดชูเรื่องของประสิทธิภาพที่ใกล้เคียงกันในราคาต่ำกว่า 20,000 บาท รวมถึงการสร้างตลาดใหม่ที่ให้ความรู้สึกคุ้มค่าในระดับราคา 1 หมื่นบาทเข้ามาเสริมด้วย”
ทั้งนี้ โอภาส คาดว่า ยอดเงินสะพัดในงานครั้งนี้ จะอยู่ใกล้เคียงกับครั้งที่ผ่านมาที่ราว 2,000 ล้านบาท โดยเหตุผลหลักที่ทำให้คาดการณ์ยอดขายภายในงานอยู่เท่าเดิม เนื่องจากมองว่า แต่ละแบรนด์ไม่ได้เน้นเครื่องในระดับไฮเอนด์มากนัก ทำให้ยอดขายภายในงานส่วนใหญ่จะมาจากกลุ่มระดับราคา 10,000-15,000 บาท ที่จะกินสัดส่วนขึ้นมาอยู่ที่ 50% ตามมาด้วยกลุ่มระดับราคาต่ำกว่า 1 หมื่นบาท และเกิน 15,000 บาท ตามลำดับ
***แข่งดุทุกช่วงราคา
จะเห็นได้ว่าตอนนี้ผู้นำในตลาดอย่าง Samsung กำลังเจอสงครามราคาในสมาร์ทโฟนทุกช่วงระดับราคา ตั้งแต่เครื่องระดับบนอย่าง Samsung Galaxy S9 และ S9+ ก็เจอ Huawei เข้ามาบุกด้วย Huawei P20 และ P20 Pro แถมด้วย Sony Xperia XZ2 และ Xiaomi Mi Mix 2S ที่มาในราคาไม่ถึง 2 หมื่นบาท
ในกลุ่มระดับราคา 1 หมื่นบาท แม้ว่าซัมซุง จะเข็น Samsung Galaxy A6 และ A6 Plus ออกมา แต่ก็ชนกับสมาร์ทโฟนจากจีนไม่ต่ำกว่า 5 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น Huawei nova 3e, Honor 7X, OPPO F7, Moto G6 Plus, vivo v9, Nokia 6 และ Wiko View 2 Pro ที่จับกลุ่มอยู่ในช่วงราคา 7,990-10,990 บาท
ส่วนในกลุ่มราคาต่ำกว่า 7,000 บาท กลายเป็นว่า Samsung ไม่มีรุ่นใหม่เข้ามาทำตลาดภายในงาน จึงทำให้ต้องทำราคา Galaxy J ซีรีส์รุ่นเดิม มาแข่งกับแบรนด์จีน ทั้ง Huawei Y9, Honor 9 Lite Xiaomi Redmi Note 5 และ vivo v7+
***Samsung ยังมั่นใจการสร้างมูลค่าเพิ่มช่วยตรึงลูกค้า
วิชัย พรพระตั้ง รองประธานองค์กร ธุรกิจโทรคมนาคมและไอที บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า สิ่งที่แตกต่างของสมาร์ทโฟน Samsung กับแบรนด์คู่แข่ง คือ Samsung มีการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ลูกค้า อย่าง Galaxy Gift ที่มีพาร์ตเนอร์กว่า 200 ราย และลูกค้าใช้ 8 ล้านราย ใช้งานเป็นประจำหลักล้านรายต่อเดือน
นอกจากนี้ ยังมีระบบชำระเงินอย่าง Samsung Pay ที่สำคัญ คือ เรื่องระบบความปลอดภัย ไม่ใช่เรื่อง แฟชั่น เพราะทุกวันนี้บริการดิจิทัลเติบโตอย่างต่อเนื่อง และทุกคนก็ใช้ผ่านสมาร์ทโฟน โดย Samsung จะมีฟีเจอร์อย่างซีเคียวริตีโฟลเดอร์ ที่ต้องสแกนเข้าระบบก่อน และไม่ต้องกลัวว่า เครื่องหาย ข้อมูลจะหาย เพราะข้อมูลอยู่บนคลาวด์
ทั้งนี้ ภายในงานดังกล่าว Samsung ได้มีการเปิดวางจำหน่าย Samsung Galaxy A6 และ A6+ ในราคา 8,900 บาท และ 10,900 บาทตามลำดับ พร้อมทำโปรโมชันพิเศษภายในงานให้นำโทรศัพท์เครื่องเก่าทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ และทุกสภาพมาแลกรับเป็นส่วนลดซื้อเครื่องใหม่ได้ด้วย
***โมโต ประเมินตลาด 7,000-10,000 บาท อยู่ที่ราว 15%
ศิวกร ดำรงภัทร ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทย กลุ่มผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟน เลอโนโว ประเทศไทย ให้ข้อมูลถึงภาพรวมตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทยปีนี้ว่าจะอยู่ที่ราว 14-15 ล้านเครื่อง โดยกว่า 15% จะมาจากสมาร์ทโฟนในระดับราคา 7,000-10,000 บาท
แม้ว่าในกลุ่มดังกล่าวจะมีการแข่งขันกันสูง แต่ทางโมโตโรล่า มั่นใจว่า จากความน่าเชื่อถือของแบรนด์ และฟีเจอร์ที่ผู้บริโภคได้ใช้งานจริง อย่างการที่โมโตฯ มีฟีเจอร์อย่างการเขย่าเครื่องเพื่อเปิดแฟลช การสั่นเครื่องเพื่อเปิดใช้งานกล้อง มาให้ผู้บริโภคใช้งานจริง
***AIS จับ Xiaomi บุกกลุ่มวัยรุ่น
ปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า การจับมือกับ Xiaomi เพื่อนำ Redmi S2 เข้ามาจำหน่ายรายแรก และรายเดียวในประเทศไทย เพราะว่าต้องการเจาะกลุ่มลูกค้ามิลเลนเนียล ที่มองหามือถือสเปกสูงในราคาคุ้มค่า
“กลุ่มมิลเลนเนียลที่มีช่วงอายุ 18-25 ปี ถือเป็นกลุ่มที่น่าสนใจ เพราะมีการตอบรับเทคโนโลยีได้รวดเร็ว เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบการเซลฟี, เล่นโซเชียล, เล่นเน็ต และดูทีวี ขณะเดียวกัน ยังเป็นประชากรกลุ่มใหญ่ เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีกระบวนการคิด และวิธีตัดสินใจแบบเฉพาะตัว”
***ดีแทค จัดโปรซื้อ iPhone 1 แถม 1
ในส่วนของดีแทค ยังใช้พื้นที่ภายในงานนำเสนอจุดยืนทางการตลาด ภายใต้แนวคิด “ใจดี” ด้วยข้อเสนอ สินค้าและบริการที่มาพร้อมความคุ้มค่าทั้งในด้านราคา และสิทธิประโยชน์ที่มากยิ่งขึ้น
อย่างข้อเสนอสมาร์ทโฟนลดราคาสูงถึง 14,000 บาท เมื่อสมัครใช้งานตามแพกเกจที่กำหนดผ่อนได้ทั้งค่าเครื่อง และค่าบริการรายเดือน 0% นานสูงสุด 24 เดือน พร้อมโปรโมชันซื้อ iPhoneX 256 GB แถม iPad 32 GB หรือ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus 256 GB แถท iPhone 6 32 GB
***โนเกีย ครองตลาดสมาร์ทฟีเจอร์โฟน
ธนเดช ช่วงแก้ววิเศษ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอชเอ็มดี โกลบอล ให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า ปัจจุบันตลาดโทรศัพท์มือถือในประเทศไทยอยู่ที่ราว 25 ล้านเครื่อง โดยแบ่งเป็นกลุ่มฟีเจอร์โฟน ราว 6 ล้านเครื่อง ซึ่งกลายเป็นว่าปัจจุบันไม่ค่อยมีแบรนด์ใดเข้ามาทำตลาดนี้
“เมื่อโนเกีย มีการนำทั้ง 3310 รวมถึงการนำ โนเกีย 8110 4G เข้ามาจำหน่ายจึงได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จนแทบจะครองตลาดในกลุ่มสมาร์ทฟีเจอร์โฟน ที่สำคัญคือมีการพัฒนาให้สามารถใช้งานแอปพลิเคชันพื้นฐานได้ไม่ต่างจากบนสมาร์ทโฟนด้วย”
นอกจากนี้ ภายในงาน TME 2018 ยังได้มีการนำ Nokia 7 plus, Nokia 6 และ Nokia 1 เข้ามาจำหน่ายภายในงานราคาพิเศษด้วย โดยชูจุดเด่นเรื่องของการเป็น Pure Android ที่ได้รับการอัปเดตระบบปฏิบัติการล่าสุดจากกูเกิลต่อเนื่อง
***นูเบีย ส่งรุ่นกลางกล้อง 4 ตัว
กันตวีร์ แสงสาย ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท นูเบีย สมาร์ทโฟน (ประเทศไทย) กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นูเบีย เพิ่งเริ่มจำหน่าย Z17miniS สีดำ Black Gold ประเดิมในช่องทางออนไลน์ คือ Shopee ในงานนี้ จึงรุกต่อในช่องทางออฟไลน์ด้วยการนำสีน้ำเงิน Deep Blue มาเปิดตัว และจำหน่ายครั้งแรกในงาน TME2018 ในราคาเดียว 6,990 บาท
นอกจากรุ่นใหม่ Z17 miniS แล้ว ทางนูเบีย ยังนำรุ่นอื่นๆ มาลดราคา ในแคมเปญ “การลดราคาครั้งสุดท้าย” ที่จะได้สินค้าราคาคุ้มค่าอย่างรุ่น Z17S จากราคา 15,990 บาท เหลือ 13,990 บาท รุ่น Z17 mini สี aurora blue จาก 8,990 บาท เหลือ 7,490 บาท รุ่น Z17 mini และ M2 จาก 7,990 บาท เหลือ 5,990 บาท และรุ่น M2 lite จาก 4,590 บาท เหลือ 3,990 บาท
ทั้งนี้ งาน TME 2018 ครั้งที่ 30 จัดขึ้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 24-27 พฤษภาคม 2561 โดยมีพันธมิตรเข้าร่วมกว่า 40 ราย ในการจำหน่ายสมาร์ทโฟน โทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์เสริมต่างๆ