กระทรวงดีอี และดีแทค ร่วมกำหนดกรอบความร่วมมือเพื่อลดปัญหาการกลั่นแกล้งทางโลกไซเบอร์ พร้อมเปิดตัวห้องแชต “Stop Bullying” อย่างเป็นทางการ มุ่งสร้างอินเทอร์เน็ตที่ปลอดภัย โดยดีอี ช่วยส่งต่อ-ประสานภาครัฐ ร่วมพัฒนาหลักสูตร พร้อมให้ทุนวิจัยส่งเสริมอินเทอร์เน็ตปลอดภัย
นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวว่า ปัจจุบัน เครือข่ายสังคมออนไลน์ หรือ Social Network เข้ามามีบทบาทในสังคมไทยมากขึ้น โดยข้อมูลจากงาน Thailand Social Award 2017 พบว่า คนไทยมีการใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์อย่าง Facebook จำนวนประมาณ 47 ล้านคน (คิดเป็นอัตราการเติบโต 15%) Line จำนวนประมาณ 41 ล้านคน (คิดเป็นอัตราการเติบโต 41%) Instagram จำนวนประมาณ 11 ล้านคน และ Twitter จำนวนประมาณ 9 ล้านคน (คิดเป็นอัตราการเติบโต 70%)
จากผลสำรวจการมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในครัวเรือน พ.ศ. 2560 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า เด็กอายุระหว่าง 15-24 ปี มีอัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตสูงถึง 89.8% ดังนั้น จึงเห็นได้ว่าการใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักเรียน นักศึกษา หรือวัยรุ่น โดยกลุ่มดังกล่าวมีการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว และเปิดเผยความเป็นตัวตนชัดเจนขึ้น ซึ่งทำให้เกิดความเสี่ยงในการถูกล่อลวงทางโลกออนไลน์มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา กระทรวงฯ โดยสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) ได้จัดงานประชุมสัมมนา “สานพลังป้องกัน Cyberbullying” เพื่อรวบรวมสถานการณ์และความคิดเห็นในการแก้ปัญหาการกลั่นแกล้งในโลกออนไลน์ เพื่อจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อยกระดับสังคมดิจิทัล
ปีนี้เป็นปีแห่งการเรียนรู้และทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน เน้นแนวทางในการปฏิบัติการผนึกกำลังเป็นพันธมิตรภาคีร่วมโครงการ “Stop Bullying เลิฟแคร์ไม่รังแกกัน” และเปิดตัวบริการให้คำปรึกษาและช่วยเหลือเด็กและเยาวชนผ่าน Stop Bullying Chat LINE จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการร่วมกันแก้ไขปัญหาการกลั่นแกล้งรังแกในโลกออนไลน์ (Cyberbullying) ซึ่งเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์การส่งเสริมและปกป้องคุ้มครองเด็กและเยาวชนในการใช้สื่อออนไลน์ของรัฐบาล เพื่อให้สังคมไทยมีระบบและกลไกในการขับเคลื่อน ส่งเสริม และปกป้องคุ้มครองเด็ก และเยาวชน ให้รู้เท่าทันสื่อออนไลน์และใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างสร้างสรรค์
ความร่วมมือกับดีแทคในครั้งนี้ กระทรวงฯ โดยสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) จะประสานกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ในการให้คำปรึกษาเบื้องต้นทางเทคนิคสำหรับการส่งต่อกรณีที่มีการกลั่นแกล้งรังแกในโลกออนไลน์ โดยขอความร่วมมือ ปอท. ในการให้คำปรึกษาฯ ในช่วงเวลา 16.00-22.00 น. พร้อมกันนี้ ยังร่วมกันให้บริการคำปรึกษา/แนะนำ Stop Bullying Chat Line ผ่านศูนย์ดิจิทัลชุมชน พร้อมทั้งจัดกิจกรรมเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และการใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัยผ่านกิจกรรมยุวทูตในโรงเรียน
นอกจากนี้ กระทรวงฯ และดีแทคจะร่วมมือกันพัฒนาหลักสูตรการเป็นพลเมืองดิจิทัล ซึ่งจะเป็นหลักสูตรสำหรับพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครู/อาจารย์ และเด็กและเยาวชน และประสานการดำเนินงานในการนำหลักสูตรดังกล่าวบรรจุในหลักสูตรการเรียนการสอนแบบทางเลือกของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ทั้งนี้ได้มีหลักสูตรการเข้าใจดิจิทัล (Digital Literacy Curriculum) ซึ่งได้ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในเบื้องต้นแล้ว นอกจากนี้ ยังได้จัดทำแนวปฏิบัติในการปกป้องคุ้มครองเด็ก และเยาวชน จากสื่อดิจิทัล สำหรับการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดการกลั่นแกล้งบนโลกออนไลน์ และกรณีเมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นควรทำอย่างไร
นายพิเชฐ กล่าวว่า กระทรวงฯ ยังมี “กองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม” เพื่อใช้จ่ายเกี่ยวกับการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม อาทิ ส่งเสริม สนับสนุน หรือให้ความช่วยเหลือหน่วยงานของรัฐและเอกชนหรือบุคคลทั่วไปในการดำเนินการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งต้องมีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ต่อการให้บริการสาธารณะ และไม่เป็นการแสวงหากำไร โดยไม่เป็นการทำลายการแข่งขันอันพึงมีตามปกติวิสัยของกิจการภาคเอกชน ดังนั้น หากมีกิจกรรม หรือโครงการที่เป็นการปกป้องคุ้มครองเด็กและเยาวชนให้รู้เท่าทันสื่อออนไลน์ และใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างสร้างสรรค์ ก็สามารถขอรับการจัดสรรงบประมาณกองทุนเพื่อการดำเนินการดังกล่าวได้
ด้านนายลาร์ส นอร์ลิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดีแทค กล่าวว่า สำหรับบริการห้องแชต Child Chat Line ที่ได้เปิดให้บริการอย่างไม่เป็นทางการเมื่อเดือน มิ.ย. 2560 ที่ผ่านมา พบว่ามีผู้ขอคำปรึกษาจำนวน 278 คนและมีผู้เข้าชมเว็บไซต์กว่า 40,000 ครั้ง สะท้อนถึงความรุนแรงของปัญหาในกลุ่มเด็ก และเยาวชน ซึ่งเป็นส่วนใหญ่ของประชากรอินเทอร์เน็ตไทย ดังนั้น การแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนได้นั้น จำต้องอาศัยความร่วมมืออย่างบูรณาการระหว่างภาครัฐ ภาคประชาสังคม และเอกชน ซึ่งความร่วมมือที่เกิดขึ้นระหว่างกระทรวงดีอี ถือเป็นนิมิตรหมายอันดีในการตระหนักถึงการสร้างสภาพแวดล้อมอินเทอร์เน็ตที่ดี ตลอดจนความร่วมมือในอนาคตอีกด้วย
ขณะที่ รศ. นพ. ชาญวิทย์ พรนภดล หัวหน้าสาขาวิชาจิตเวชเด็กและวัยรุ่น คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า จากงานวิจัยเรื่อง “การกลั่นแกล้งบนโลกไซเบอร์ในนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น” โดยความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยอัก 13 ประเทศทั่วโลก พบว่า 1 ใน 3 ของเด็กไทยมีประสบการณ์กลั่นแกล้ง และถูกกลั่นแกล้งบนโลกออนไลน์ โดยผู้ตอบแบบสำรวจ 34.6% เคยแกล้งผู้อื่นและ 37.8% เคยถูกกลั่นแกล้ง และ 39% เข้าไปร่วมวงในเหตุการณ์กลั่นแกล้งนั้น ทำให้พฤติกรรม Cyberbullying ขยายวงกว้าง
นอกจากนี้ ยังพบว่าพฤติกรรมการกลั่นแกล้งทางโลกออนไลน์แปรผันตรงกับพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ต ซึ่งเด็กไทยใช้เวลาบนอินเทอร์เน็ตถึง 4.8 ชั่วโมงต่อวันโดยเฉลี่ย โดยใช้ยูทูปมากที่สุด รองลงมา คือ ไลน์และเฟซบุ๊ก โดย 47% ของผู้ตอบสอบถามระบุว่า เคยแชตกับคนแปลกหน้าผ่านสื่อสังคมออนไลน์ 56% เป็นเพื่อนกับคนที่ไม่รู้จักมาก่อนในสื่อสังคมออนไลน์ 65% เคยให้เพื่อนใช้มือถือขณะที่ยังล็อกอินอยู่บนโซเชียลมีเดีย 28% เคยลืมล็อกเอาต์หลังจากใช้คอมพิวเตอร์สาธารณะ และ 6.5% เคยนัดพบกับคนแปลกหน้า นอกจากนี้ 48% ของผู้ตอบแบบสอบถามยังบอกว่ามีคนอื่นรู้รหัสผ่านของตัวเอง โดยส่วนใหญ่เป็นเพื่อน