xs
xsm
sm
md
lg

หรือ “อาลีบาบา” จะเป็นยักษ์ใหญ่รายล่าสุดในธุรกิจเดลิเวอรีจีน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ภาพจากเอเอฟพี
ธุรกิจจัดส่งอาหารกำลังเป็นสมรภูมิการแข่งขันครั้งใหม่ของบริษัทเทคโนโลยีในจีน เมื่อมีรายงานว่าอาลีบาบา (Alibaba) บริษัทอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ได้ยื่นข้อเสนอซื้อหุ้นของ Ele.me มูลค่า 9.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ หลังจากไป่ตู้ (Baidu) ได้ขายออกมาเพื่อหันไปโฟกัสธุรกิจด้านปัญญาประดิษฐ์อย่างเป็นทางการ ส่งผลให้อาลีบาบา และเทนเซ็นต์ (Tencent) กลายเป็นคู่แข่งกันโดยตรงในอุตสาหกรรมเดลิเวอรี เนื่องจากเทนเซ็นต์ เองก็มีบริการเดลิเวอรีของตนเองอยู่แล้วในชื่อ Meituan-Dianping

ตลาดเดลิเวอรีในจีนกำลังร้อนระอุขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคเน้นความสะดวกสบายกันมากขึ้น โดยมีผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยที่หันมาเลือกสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชัน ไม่ยอมออกเดินไปซื้ออาหารรับประทานเองกันเหมือนในอดีต ซึ่งความร้อนแรงของตลาดนี้ทำให้นอกจากอาลีบาบา และเทนเซ็นต์ ยังมีค่ายตีตี้ชูสิง (Didi Chuxing) บริการร่วมเดินทางยักษ์ใหญ่ของจีน ก็มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ในธุรกิจดังกล่าวด้วยเช่นกัน

เนล หวัง (Neil Wang) ประธานบริษัทที่ปรึกษา Frost & Sullivan ให้มุมมองเกี่ยวกับกรณีนี้ว่า มันไม่ใช่การแข่งขันในตลาดเดลิเวอรีอาหารของ Meituan, Ele.me และ Didi อีกต่อไป แต่มันยังเป็นช่วงเวลาแห่งการเพิ่มผู้ใช้งานรายใหม่เข้าในอีโคซิสเตมส์นี้เพื่อให้พวกเขาได้รู้จักบริการต่าง ๆ ที่บริษัทจะมอบให้ด้วย

นอกจากบริการที่จะทำให้ชีวิตของผู้ใช้งานสะดวกสบายขึ้นแล้ว อาลีบาบา เทนเซ็นต์ และตีตี้ ยังสามารถเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานของผู้บริโภคได้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรสนิยมด้านอาหาร รายได้ ข้อมูลการชำระเงิน ฯลฯ

“การซื้อ Ele.me ไม่เพียงทำให้อาลีบาบาแข็งแกร่งขึ้นในธุรกิจเดลิเวอรี แต่ยังทำให้อาลีบาบาได้ประโยชน์ในเรื่องการจำหน่ายอาหารสด หรืออาหารปรุงสุก จากร้านค้าของอาลีบาบา และธุรกิจออฟไลน์อื่น ๆ ในเครือด้วย”

เหตุที่กล่าวเช่นนั้น เพราะ Ele.me มีเครือข่ายการจัดส่งที่แข็งแกร่งมากกับจำนวนพนักงานถึงสามล้านคน และมีระบบการแมชชิ่งออเดอร์ที่ก้าวหน้ากว่าใครในท้องตลาด

อย่างไรก็ตาม ตัวแทนจากอาลีบาบา เทนเซ็นต์ และ Ele.me ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นใด ๆ เกี่ยวกับกรณีดังกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น