เค 2 เวนเจอร์ แคปปิตอล ขยายฐานการลงทุนสู่ภูมิภาค นำทีมวีซีจากซิลิคอนวัลเลย์ สิงคโปร์ และฮ่องกง ระดมทุนมูลค่ากว่า 420 ล้านบาท เข้าลงทุนในสตาร์ทอัปฟินเทค อนาคตไกลของอินโดนีเซีย
นายสแตนลีย์ หวั่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค 2 เวนเจอร์ แคปปิตอล จำกัด (เค 2) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ประกาศลงทุนในบริษัท อวง ที มัน (Uangteman) บริษัทไมโครไฟแนนซ์ออนไลน์ของอินโดนีเซีย ในฐานะผู้นำการลงทุนในรอบซีรีส์ เอ โดยมีมูลค่ารวมการลงทุนครั้งนี้จากทั้งหุ้น และเงินกู้กว่า 420 ล้านบาท
โดยบริษัทเค 2 เป็นหัวเรือใหญ่นำพากองทุนพันธมิตร เช่น แดรปเปอร์ แอสโซซิเอทส์ (Draper Associates) จากซิลิคอน วัลเลย์ ก่อตั้งโดยทิม แดรปเปอร์ นักลงทุนชื่อดังที่เคยลงทุนในบริษัทระดับแนวหน้าอย่าง ไบดู (Baidu) ฮอตเมล์ (Hotmail) เทสล่า (Tesla) และสไคป์ (Skype) เข้ามาเป็นหนึ่งในผู้ร่วมลงทุน รวมทั้งเอสทีไอ ไฟแนนซ์เชียล (STI Financial) จากฮ่องกง ที่เข้ามาร่วมลงทุนในรูปแบบเงินกู้ เพื่อช่วยต่อยอด และขยายฐานยอดเงินกู้ให้เพิ่มมากขึ้นด้วย
ทั้งนี้ บริษัท อวง ที มัน ของอินโดนีเซีย เริ่มเปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อปี 2015 ดำเนินธุรกิจปล่อยกู้ขนาดย่อมในจำนวนเงินไม่เกิน 6 ล้านรูเปีย (ประมาณ 15,000 บาท) แบบระยะสั้นไม่เกิน 30 วัน ปัจจุบันขยายการให้บริการครอบคลุม 14 จังหวัดใหญ่ทั่วอินโดนีเซีย
ยอดเงินกู้ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ เติบโตเกือบ 5 เท่าเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2015 ซึ่งเป็นปีแรกที่เริ่มให้บริการ ขณะที่จำนวนหนี้เสียอยู่ในระดับต่ำกว่า 2% อันเป็นผลจากการมีระบบการจัดเก็บหนี้ที่มีประสิทธิภาพ และการใช้ระบบอัลกอริทึมที่พัฒนาขึ้นมาเอง
ประกอบกับการที่อวง ที มัน วางแผนจะใช้เงินลงทุนดังกล่าว เพื่อต่อยอดพัฒนาระบบอัลกอริทึม และแพลตฟอร์มให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น และมีแผนจะจัดตั้งทีมดาต้า ไซน์ (Data Science) ในประเทศสิงคโปร์ และอินเดีย อีกด้วย
“บริษัท เค 2 มีนโยบายเลือกลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัปที่มีแนวคิด และเทคโนโลยีใหม่ ๆ เป็นของตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีที่มีแนวโน้มเป็นที่นิยมในวงกว้างระดับประเทศ หรือเป็นกระแสที่กำลังมาแรง ตัวอย่างเช่น ฟินเทค”
อวง ที มัน ถือเป็นบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโตมากที่สุดแห่งหนึ่งในอุตสาหกรรมฟินเทค ซึ่งขยายตัวอย่างรวดเร็วในอินโดนีเซีย และมีทีมผู้บริหารที่มุ่งมั่นในการสร้างแพลตฟอร์มเป็นของตนเอง ด้วยเหตุผลดังกล่าว บริษัท เค 2 จึงเลือกลงทุนในบริษัท อวง ที มัน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของเค 2 ในการขยายฐานการลงทุนสู่ประเทศในภูมิภาค และยังเป็นก้าวแรกของกองทุนไทยในการบุกตลาดอินโดนีเซียอีกด้วย
อนึ่ง ประเทศอินโดนีเซียมีประชากรมากเป็นอันดับ 4 ของโลก แต่ประชากรที่มีบัญชีธนาคารมีเพียง 35.9% ของประชากรผู้ใหญ่ทั้งหมด โดย 42% ของประชากรกลุ่มนี้ยืมเงินจากครอบครัวหรือเพื่อนฝูง ขณะที่ประชากรที่กู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินมีจำนวนเพียง 13% เท่านั้น