การมาถึงของระบบออโตเมชันไม่เพียงแต่ทำให้แรงงานระดับล่างเสี่ยงต่อการถูกเลิกจ้าง หากแต่เมื่อเทียบกันระหว่างเพศหญิง กับเพศชายแล้ว ยังพบว่า เพศหญิงนั้นเสี่ยงตกงานให้กับหุ่นยนต์มากกว่าเสียด้วย
โดยผู้ที่ทำการวิเคราะห์เรื่องดังกล่าว คือ the Institute for Spatial Economic Analysis (ISEA) ที่พบว่า ผู้หญิงมีความเสี่ยงมากกว่าผู้ชายถึงสองเท่าที่จะถูกแทนที่ตำแหน่งงานโดยระบบอัตโนมัติ
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะงานส่วนมากที่ผู้หญิงทำนั้น เป็นงานที่มีความเสี่ยงสูงที่จะนำระบบอัตโนมัติเข้ามาทำแทนนั่นเอง เช่น งานแคชเชียร์ โดยพบว่า 73 เปอร์เซ็นต์ของแคชเชียร์เป็นผู้หญิง
แต่ไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่เสี่ยง เพราะหากแบ่งตามเชื้อชาติแล้ว ยังพบว่า กลุ่มแอฟริกันอเมริกัน และคนเชื้อสายสเปน ก็เสี่ยงตกงานเพราะระบบอัตโนมัติเช่นกัน โดยความเสี่ยงอยู่ที่ 13 เปอร์เซ็นต์ และ 25 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ (เมื่อเปรียบเทียบกับคนผิวขาว) ส่วนชาวเอเชียความเสี่ยงอยู่ที่ 11 เปอร์เซ็นต์
แต่เมื่อวิเคราะห์ให้ลึกลงไปนั้น สิ่งที่ทำให้มนุษย์เสี่ยงจะเสียตำแหน่งงานให้กับหุ่นยนต์หรือระบบอัตโนมัติมากที่สุดอาจเป็น “การศึกษา” โดยข้อมูลจากสำนักงานสถิติด้านแรงงานของสหรัฐอเมริกาพบว่า คนที่ไม่จบการศึกษาระดับมัธยมปลาย มีโอกาสเสี่ยงที่จะตกงาน 6 เท่า เมื่อเทียบกับคนจบปริญญาเอก เพราะงานที่คนเหล่านี้สามารถทำได้นั้น ส่วนมากเป็นงานง่าย ๆ ที่มีโอกาสถูกระบบอัตโนมัติเข้ามาแทนที่ได้เร็วนั่นเอง
นักวิจัยจากโครงการนี้ได้เน้นย้ำด้วยว่า ไม่มีสิ่งใดรับประกันได้ว่า งานใหม่ที่จะส่งให้คนที่สูญเสียอาชีพให้กับหุ่นยนต์ได้ทำแทนนั้น จะเป็นงานที่จ่ายค่าตอบแทนในระดับดี และอาจทำให้คนกลุ่มนี้มีคุณภาพชีวิตที่แย่มากขึ้นได้เมื่อเทียบกับคนกลุ่มอื่น ๆ ในโลก ซึ่งสถานการณ์นี้อาจนำไปสู่ความไม่พอใจ และการประท้วงเหล่านหุ่นยนต์ในอนาคตได้นั่นเอง