รอยเตอร์/MGR ออนไลน์ - บริษัทเสิร์ชเอนจินยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ “กูเกิล” ล่าสุดไล่ เจมส์ ดามอร์ (James Damore) วิศวกรประจำบริษัทในรัฐแคลิฟอร์เนียออก หลังพบวิศวกรชายรายนี้ต่อต้านนโยบายจ้างงานความเท่าเทียมทางเพศและความแตกต่าง แอบส่งเมโม 10 หน้าไปทั่วบริษัท อ้างสาเหตุที่ไม่มีจำนวนผู้หญิงมากในที่ทำงานโลกไอทีระดับสูง เป็นเพราะโครโมโซมที่มีมาแต่กำเนิดเป็นตัวตัดสิน
รอยเตอร์รายงานวันนี้ (8 ส.ค.) วิศวกรระดับสูงของบริษัท กูเกิล เจมส์ ดามอร์ (James Damore) ยืนยันกับรอยเตอร์เมื่อวานนี้ (7) ว่าเขาถูกบริษัทไล่ออกจริงจากข้อกล่าวหาว่ามีส่งเสริมอคติความแตกต่างทางเพศ
ทั้งนี้พบว่า ดามอร์ ซึ่งตามเพจ LinkedIn ของเขาระบุว่า สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกด้านชีววิทยาระบบ (Systems Biology) จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ออกมาแสดงความเห็นต่อต้านนโยบายบริษัท กูเกิล “การกระจายความหลากหลาย” หรือ Diversity ของระบบพนักงาน ซึ่งกูเกิลจริงจังมากจนกระทั่งมีผู้บริหารระดับสูงประจำแผนกนี้เป็นการเฉพาะ
และเป็นที่ทราบดีว่าบริษัทยักษ์ใหญ่โลกไอทีในซิลิกอนวัลเลย์นั้นพบมีพนักงานเพศชายเป็นส่วนใหญ่ที่ทำงานในแวดวงนี้ แต่ทว่าทางบริษัทไอทีทั้งหลายซึ่งเป็นพวกเสรีนิยมและหัวก้าวหน้า ต่างต้องการให้มีพนักงานเพศหญิง เช่น วิศวกรหญิง หรือนักวิทยาศาสตร์หญิง เข้ามาทำงานเพิ่มมากขึ้น จึงมีนโยบายกระจายความหลากหลายออกมา
นอกจากบริษัทไอทีในสหรัฐฯ แล้ว ยังพบว่าระบบโรงเรียนในรัฐแคลิฟอร์เนียมีนโยบายกระจายด้านความหลากหลายเช่นกัน แต่ทว่าอยู่ในรูปความเท่าเทียมด้านเชื้อชาติ ที่ทางสถานศึกษาต้องการให้นักเรียนมีทั้งผิวขาว ผิวสี และเชื้อชาติอื่นๆ มีที่นั่งในสัดส่วนของสถานศึกษาเพื่อประกันว่าโรงเรียนเหล่านั้นจะไม่มีนโยบายกีดกันเชิงสีผิว
รอยเตอร์รายงานต่อว่า และสำหรับกูเกิลในขณะนี้พบว่าอยู่ในระหว่างการถูกกระทรวงแรงงานสหรัฐฯทำการตรวจสอบว่า ทางบริษัทได้จ่ายค่าตอบแทนให้พนักงานหญิงต่ำกว่าผู้ชายอย่างผิดกฎหมายหรือไม่ ซึ่งรอยเตอร์ชี้ว่า ทางบริษัทได้ออกมาปฏิเสธ
ทั้งนี้ ในเมโมของดามอร์จำนวน 10 หน้าที่ถูกส่งไปยังเพื่อนร่วมงาน เขาอ้างว่า “การแจกจ่ายด้านลักษณะนิสัยและความสามารถของชายและหญิงที่แตกต่างกันนั้น..เป็นเพราะมาจากต้นกำเนิดในเชิงชีววิทยา (ทาง DNA) และนั่นอธิบายได้ว่า เหตุใดเราจึงไม่เห็นจำนวนที่มากนักของเพศหญิงในโลกไอทีหรือในกลุ่มผู้บริหารระดับสูง”
รอยเตอร์รายงานว่า การออกมาครั้งนี้ของดามอร์ได้รับการสนับสนุนอย่างล้นหลามจากสื่อขวาจัดเช่น ไบรท์บาร์ต นิวส์ ซึ่งมี สตีฟ แบนนอน เคยร่วมบริหาร และปัจจุบันทำหน้าที่ในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ของผู้นำสหรัฐฯในปัจจุบัน
และยังรวมไปถึง เกลน เบ็ค สื่อขวาจัดอเมริกา ที่ใช้เวลาอ่านเนื้อหาเมโมของดาร์มอร์ พร้อมกับชี้ว่า กูเกิลกำลังสร้างวัฒนธรรมใหม่ และเข้าครอบงำความคิดผู้คน เป็นเพราะกูเกิลนั้นเข้าถึงบ้านของผู้คน หรือแม้แต่ในห้องนอน พร้อมกันนี้ยังชี้ว่า ดามอร์ออกมาชี้ให้สังคมเห็นว่า “การส่งเสริมความหลากหลายในที่ทำงานของกูเกิล กำลังฆ่าพวกเขา ซึ่งจะนำมาสู่ระบบอำนาจนิยม”
โดยในเมโมจำนวน 3,000 คำนี้ ดามอร์ชี้ว่า “อคติแบบพวกหัวก้าวหน้าของกูเกิลได้สร้างวัฒนธรรมการแก้ตัวทางการเมืองแบบลิเบอร์รัล”
อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้ (7 ส.ค.) ซีอีโอกูเกิล ซันดาร์ พิชัย (Sundar Pichai) ได้แถลงผ่านเมโมภายในบริษัทไปยังพนักงานของกูเกิลถึงการไล่ดามอร์ออกว่า เนื้อหาส่วนหนึ่งของเมโมของวิศกรชายรายนี้นั้น ละเมิดต่อระเบียบและข้อบังคับของทางบริษัท และยังก้าวข้ามไปถึงการมีอคติกีดกันทางเพศในที่ทำงานของพวกเรา”
ในอีเมลของดามอร์ที่ได้ส่งมายังรอยเตอร์นั้น เขากล่าวว่า ในขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการศึกษาช่องทางกฎหมายเพื่อฟ้องบริษัทกูเกิล และก่อนที่จะถูกทางบริษัทไล่ออก เขาได้ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการสัมพันธ์แรงงานแห่งชาติสหรัฐฯ NLRB โดยในคำร้องได้กล่าวหาว่า ผู้บริหารระดับสูงของกูเกิลพยายามที่จะปิดปากเขา
โดยในอีเมล ดามอร์ระบุว่า “ถือเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายที่จะล้างแค้นต่อการยื่นฟ้องบอร์ด NLRB ของเขา”