xs
xsm
sm
md
lg

ปณท เผยผลประกอบการครึ่งปีแรกโต 18% พร้อมปรับโฉมตู้ไปรษณีย์ 4.0

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ภาพหน้าจอ การใช้งานพี่ตู้รู้ทุกเรื่อง
ปณท เผยผลประกอบการครึ่งปีแรก 2560 รายได้รวมทั้งสิ้น 13,473 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,979 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2559 ที่ 18% พร้อมเปิดตัว “พี่ตู้รู้ทุกเรื่อง” นวัตกรรมตู้ไปรษณีย์อัจฉริยะยุค 4.0 เปลี่ยนตู้ไปรษณีย์ธรรมดาให้สามารถให้ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว สำหรับประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว ร้านอาหาร เครื่องดื่ม แหล่งของฝากและผลิตภัณฑ์ชุมชน โดยเริ่มนำร่องติดตั้งที่จังหวัดพิษณุโลก จำนวน 15 ตู้ ก่อนขยายไปยังพื้นที่อื่น ๆ ทั่วประเทศต่อไปในอนาคต

พล.อ.สาธิต พิธรัตน์ ประธานกรรมการ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) กล่าวถึงผลการดำเนินงานของไปรษณีย์ไทยในช่วงครึ่งปีแรก ระหว่างมกราคม-มิถุนายน 2560 ว่า มีรายได้รวมทั้งสิ้น 13,473 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,979 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2559 ที่ 18% โดยรายได้จากการเติบโตส่วนใหญ่มาจากกลุ่มบริการขนส่งและลอจิสติกส์ ซึ่งมาจากการเกิดเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ คิดเป็น 42% หรือประมาณ 6,000 ล้านบาท ทั้งนี้ เป้าหมายรายได้ของปี 2560 อยู่ที่ 26,000 ล้านบาท และประมาณการผลกำไรสุทธิ ประมาณ 3,300 ล้านบาท

ทั้งนี้ ไปรษณีย์ไทย มุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทยด้วยการผลักดันเศรษฐกิจฐานราก ผ่านการใช้จุดแข็งด้านเครือข่ายของไปรษณีย์ ที่มีที่ทำการไปรษณีย์กว่า 1,300 แห่งทั่วประเทศ น้อมนำแนวพระราชดำริ “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ประยุกต์ใช้เพื่อผลักดันสังคม และชุมชน กระตุ้นการหมุนเวียนของเศรษฐกิจระดับท้องถิ่น และยกระดับอีคอมเมิร์ซระดับชุมชนให้มีประสิทธิภาพ ได้รับมาตรฐาน มีตลาดรองรับที่กว้างขวาง

จึงเริ่มนำร่องด้วยการปรับปรุงตู้ไปรษณีย์เพื่อบริการประชาชนด้วยคิวอาร์โค้ด ภายใต้ชื่อ “พี่ตู้รู้ทุกเรื่อง” นวัตกรรมตู้ไปรษณีย์อัจฉริยะยุค 4.0 ที่เปลี่ยนตู้ไปรษณีย์ธรรมดาให้สามารถให้ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในพื้นที่ใกล้เคียงได้เพียงสแกนคิวอาร์โค้ด เพื่อเป็นการส่งเสริมสถานที่ท่องเที่ยว และผู้ประกอบการรายย่อยในชุมชน กระตุ้นเศรษฐกิจระดับท้องถิ่นให้มีความไหลเวียนมากขึ้น โดยปัจจุบันจะทำการนำร่องติดตั้งตู้ดังกล่าวในจังหวัดพิษณุโลก จำนวนทั้งสิ้น 15 ตู้ กระจายไปทุกอำเภอในจังหวัด พร้อมมีแผนเตรียมขยายไปพื้นที่อื่น ๆ ทั่วประเทศภายในปีนี้

พร้อมกันนี้ ไปรษณีย์ไทยในฐานะผู้ให้บริการด้านการขนส่งและลอจิสติกส์ที่เติบโต และอยู่เคียงข้างกับประเทศไทยมาโดยตลอด พร้อมรองรับนโยบาย และโครงการต่าง ๆ ของทางรัฐบาล อาทิ แผนงานอีคอมเมิร์ซ 4.0 ร่วมกับส่วนงานราชการ และหน่วยงานต่าง ๆ ในแต่ละพื้นที่ พัฒนาผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซและสร้าง “ดิจิตอลชุมชน” ให้บริการมาร์เกตเพลส (Marketplace) ผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน แผนการรองรับการขยายตัวของพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) วางแผนการจัดตั้งศูนย์ลอจิสติกส์ฮับที่ครอบคลุมเข้มแข็ง เชื่อมต่อประเทศเพื่อนบ้าน อำนวยความสะดวกด้านการขนส่งทั้งทางบก ทางเรือ และทางอากาศ

“คาดว่าภายในปีนี้จะมีข้อสรุปว่า เราจะสามารถทำลอจิสติกส์ในพื้นที่ EEC คือ ที่ศรีราชา ได้หรือไม่ แม้ว่าเราจะมีต้นแบบที่ จ.พิษณุโลก ที่เราทำอยู่แล้ว แต่ก็มีข้อแตกต่างกัน เพราะพิษณุโลกมีการขนส่งแค่เครื่องบิน และรถไฟ แต่ที่ศรีราชา มีการขนส่งทางเรือเพิ่มขึ้นมาด้วย จึงต้องวิเคราะห์ความเป็นไปได้เสียก่อน”

ขณะที่ นางสมร เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปณท กล่าวถึงความคืบหน้าการทำลอจิสติกส์ EEC ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอรายชื่อคณะทำงานที่ทำร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมศุลการ, การท่าเรือ, สนามบินอู่ตะเภา จึงยังไม่มีการหารือถึงรายละเอียดร่วมกัน ซึ่งโครงการนี้จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ต้องอยู่ที่การวิเคราะห์ถึงต้นทุนในการให้บริการด้วย หากทำแล้วต้นทุนสูงกว่า ก็ไม่น่าทำ ทำให้ยังไม่สามารถตั้งงบประมาณสำหรับการทำโครงการนี้ได้

สำหรับแผนการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง ปณท ยังคงยึดหลักในการดำเนินการที่จะต้องเติบโตควบคู่กับชุมชน สังคม และประเทศชาติ พร้อมมุ่งมั่นพัฒนาเศรษฐกิจระดับท้องถิ่น ผ่านการพัฒนา 3 ส่วนหลัก ตอบโจทย์ความต้องการผู้ประกอบการชุมชน ได้แก่ 1. e-Marketplace & Platform ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ไทยแลนด์โพสต์มาร์ต (www.thailandpostmart.com) เพื่อเป็นมาร์เกตเพลสระดับประเทศ พื้นที่ฝากขายสินค้าที่รวบรวมสินค้าชุมชนจากผู้ประกอบการทุกพื้นที่ในประเทศไทย 2. e-Logistics คิดค้นและพัฒนาช่องทางส่งของให้กลุ่มลูกค้าอีคอมเมิร์ซ อาทิ กล่องฟอร์คอมเมิร์ซ กล่องลดต้นทุน หนุนธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ บริการนำจ่ายให้ผู้รับปลายทาง C2C Fulfillment Solution เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองให้ได้รับสิ่งของที่รวดเร็วขึ้น และบริการกำหนดจุดรับสินค้า (Drop Off) เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถเลือกสถานที่รับสินค้าที่สะดวกได้ 3. e-Payment พัฒนาระบบการชำระค่าสินค้าและบริการได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย สู่การเป็นดิจิตอลวอลเลต (Digital Wallet) รองรับสังคมไร้เงินสด

ขณะเดียวกัน ไปรษณีย์ไทยมุ่งหน้ายกระดับสู่ “ไปรษณีย์ 4.0” ด้วยการขับประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้กับระบบงานในทุกกระบวนการ ได้แก่ กระบวนการรับฝาก คัดแยก ส่งต่อ และนำจ่าย เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพ และมีมาตรฐานที่เข้มข้นมากขึ้น โดยจะทำการจัดตั้งเครือข่ายรถยนต์สำหรับรับฝากสิ่งของ ณ ที่อยู่ลูกค้ากลุ่มอีคอมเมิร์ซ นำร่องที่ที่ทำการไปรษณีย์ในเขตกรุงเทพฯ 10 แห่ง ได้แก่ สามเสนใน, หลักสี่, ปากเกร็ด, จระเข้บัว, รังสิต, คลองจั่น, ภาษีเจริญ, ยานนาวา, พระโขนง และพระประแดง เพิ่มจำนวนตู้บริการ iBox เพื่อลดความแออัดของผู้ใช้บริการบริเวณห้องรอจ่าย จัดตั้งจุดรับสิ่งของที่อยู่ใกล้บ้าน (Drop Station) โดยตั้งเป้าในการจัดตั้งทั้งหมด 80 จุด เพื่อให้ครอบคลุมผู้ใช้บริการทั่วประเทศ
อีกภาพหน้าจอ การใช้งานพี่ตู้รู้ทุกเรื่อง
พลเอก สาธิต พิธรัตน์ สาธิตการใช้งานพี่ตู้รู้ทุกเรื่อง
ภาพประกอบ_กล่อง ‘ฟอร์คอมเมิร์ซ’ (For Commerce)


ภาพพลเอกสาธิต พร้อมด้วยคุณสมร และพี่ตู้รู้ทุกเรื่อง
กำลังโหลดความคิดเห็น