แม้จะขึ้นแชมป์เพียงไม่กี่ชั่วโมง แต่ก็ถือว่าทำได้สำเร็จแล้ว สำหรับซีอีโอบริษัทอีคอมเมิร์ซระดับโลกแอมะซอน (Amazon) อย่างเจฟ เบซอส ที่ถูกยกให้เป็นผู้ที่มีทรัพย์สินมากที่สุดในโลก คว่ำแชมป์เก่าหลายสมัยอย่างบิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ ด้วยตัวเลขทรัยพ์สินที่ถือครองในมือมากกว่า 9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3 ล้านล้านบาท เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา
ล่าสุด เจฟ เบซอส กลับไปเป็นมหาเศรษฐีเบอร์รองของโลกอีกครั้ง เนื่องจากหุ้นของ Amazon ลดลง หลังจากตัวเลขรายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุดไม่สวยงามเท่าที่ควร
ขึ้นแชมป์ไม่ถึง 1 วัน
ในการจัดอันดับบุคคลที่รวยที่สุดของโลกประจำปี 2017 ของนิตยสารฟอร์บส์ พบว่า เกสต์มีทรัพย์สินสุทธิประมาณ 86,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ครองบัลลังก์มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลกเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน อันดับ 2 เป็นของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ซีอีโอของเบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ อิงก์ มีทรัพย์สินสุทธิประมาณ 75,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามด้วย เจฟ เบซอส ผู้ก่อตั้ง Amazon (ทรัพย์สินสุทธิ 72,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) อามันซิโอ ออร์เตกา อภิมหาเศรษฐีชาวสเปน เจ้าของเสื้อผ้าแฟชั่นแบรนด์ดังซารา (ทรัพย์สินสุทธิ 71,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เจ้าพ่อเฟซบุ๊ก (ทรัพย์สินสุทธิ 56,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ที่ครองอันดับ 3, 4 และ 5 ตามลำดับ
ปรากฏว่า ทรัพย์สินของเจฟ เบซอส ถูกประเมินเพิ่มขึ้นในพริบตาช่วงวันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นช่วงที่ราคาหุ้นของ Amazon ที่พุ่งขึ้นก่อนหน้าการแถลงผลประกอบการของบริษัท โดยหุ้นขึ้นไปแตะที่ราคา 1,065 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น ทำให้ซีอีโอ Amazon มีทรัพย์สินตามราคาหุ้นมูลค่ากว่า 9.09 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เหนือกว่ามหาเศรษฐีทุกคนบนโลก
ราคาหุ้นของ Amazon ที่ทะยานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นผลจากผลประกอบการของบริษัทที่ดีขึ้นมากในช่วงหลัง แถมยังถูกมองว่ามีจุดได้เปรียบเรื่องการแข่งขันในธุรกิจค้าปลีก และธุรกิจคลาวด์ ที่โดดเด่น อย่างไรก็ตาม Amazon กลับรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2017 ว่ามีกำไรลดลงต่ำกว่าเป้าที่นักวิเคราะห์ใน Wall Street ตั้งไว้ ทำให้มูลค่าหุ้น Amazon ลดลงทันที 3%
กำไรที่พลาดเป้านั้น ทำร้ายจิตใจนักลงทุนมาก แม้ว่าตัวเลขรายรับรวมของ Amazon จะพุ่งแซงเป้าเล็กน้อย โดย Amazon ระบุว่าทำรายได้รวมกว่า 3.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ แต่เพราะรายจ่ายมหาศาลของบริษัท ทำให้กำไรของบริษัทลดลงมากกว่า 51% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เหลือ 628 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น
เบื้องต้น ตัวเลขกำไรที่ลดลงในไตรมาสที่ผ่านมา สะท้อนว่า Amazon เทงบลงทุนหลายช่องทาง นักลงทุนจึงหวั่นใจ เนื่องจาก Amazon เชื่อว่า ไตรมาสปัจจุบัน บริษัทอาจต้องทำใจรับกับตัวเลขกำไรที่ลดลงต่อเนื่อง ทั้งหมดนี้ทำให้มูลค่าหุ้นของ Amazon ดำดิ่งลง ส่งให้ตำแหน่งมหาเศรษฐีเบอร์ 1 ของโลกหลุดมือจากซีอีโอไปเรียบร้อย